สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ระบุ ทรู – ดีแทค ผูกขาดหรือไม่ ต้องรอ กสทช. ชุดใหม่ตัดสิน
จากกรณีที่จะมีการควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ทรู’ และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ดีแทค’ นั้น
วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2565) คณะอนุกรรมการด้านสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สอบ.เข้ายื่นหนังสือต่อไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ชะลอการพิจารณาการลงมติ การควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมฯ ดังกล่าว โดยระบุว่า กสทช. เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ต้องทำงานอย่างเข้มแข็ง อิสระ เที่ยงตรง เป็นธรรมในการกำกับดูแลเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดังนั้น จะทำเพียงการรับรองการควบรวมไม่ได้ แต่ต้องยึดเอาผลประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก และการพิจารณาครั้งนี้ควรเปิดทางให้คณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่เข้ามาพิจารณาเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ กสทช. ชุดใหม่อยู่ระหว่างการรอประกาศการตำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา
สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการฯ กล่าวว่า กสทช. มีอำนาจตามประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกํากับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2561 และประกาศเรื่องมาตรการป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ดังนั้น กสทช. จำเป็นต้องทำหน้าที่กำกับดูแล (Regulator) ไม่ใช่เป็นเพียงนายทะเบียน (Registrar) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันเสรีเป็นธรรมในกิจกรรมโทรคมนาคม และ คุ้มครองผู้บริโภค ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และเหตุผลของการมีอยู่ของ กสทช. (Raison d’être)
ประธานอนุกรรมการฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ให้บริการ 3 รายใหญ่ในตลาด แต่ยังถือว่ามีการแข่งขันไม่เต็มที่มากนัก จึงเข้าลักษณะตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly Market) ซึ่งผู้บริโภคยังรู้สึกได้ว่ามีทางเลือกน้อย เพราะผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมมีอำนาจในตลาดมาก ซึ่งที่ผ่านมา การกำกับดูแลเพื่อผู้บริโภคไม่ได้เข้มแข็ง ดังนั้น หากลดลงเป็น Duopoly คือ รายใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตลาดเหลือ 2 ราย จึงเกิดคำถามว่าผลกระทบต่อทางเลือกของผู้บริโภคจะเป็นอย่างไร
ดังนั้น กสทช. ต้องอธิบายถึงผลกระทบต่อการแข่งขันและผู้บริโภค ในกรณีของการควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมฯ และแผนการกำกับดูแลในอนาคต เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ แนวทางการบริหารงานของรัฐบาลที่บริหารนโยบายการสื่อสารให้คนในประเทศได้รับทราบข้อมูลในประเด็นที่ว่าหากมีการควบรวมเกิดขึ้น และเหลือเพียง 2 รายใหญ่จะมีแนวโน้มไปสู่การสมรู้ร่วมคิดที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างหน่วยงานที่แข่งขันกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมตลาด (Collusion) หรือสภาวะตลาดผูกขาด (Monopoly) ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกิจการที่มีอำนาจเหนือตลาดสูง อีกทั้งการที่มีผู้แข่งขันน้อยราย โดยเฉพาะธุรกิจโทรคมนาคมที่รายใหม่ ๆ จะเข้าสู่ตลาดเดิมยากขึ้น และผู้บริโภคจะมีอำนาจน้อยลงไปอีก กสทช. จะมีมาตรการเยียวยาอย่างไร
“ขณะนี้สังคมรอ กสทช. ชุดใหม่มาทำหน้าที่ในการพิจารณาควบรวม เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมีความชอบธรรมทั้งทางกฎหมายและทางสังคม ดังนั้น จึงขอให้ กสทช. ชุดรักษาการยุติการพิจารณาเรื่องนี้เพื่อรอให้ กสทช. ชุดใหม่มาเริ่มกระบวนการพิจารณาต่อไป และกลับมากำกับดูแลปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น เช่น ปัญหา SMS หรือ Call center หลอกลวง จนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า” สุภิญญา ระบุ