Getting your Trinity Audio player ready...
|

สะท้อนปัญหาจากคนหน้างานต่อร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เห็นพ้อง พ.ร.บ. ต้องเน้นสิทธิและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ลดภาระครู กระจายอำนาจให้โรงเรียน
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 สภาผู้บริโภค จัดเวทีสะท้อนเสียงคนหน้างาน ต่อร่าง พ.ร.บ.การศึกษา มีทั้งผู้เรียน ตัวแทนครู และผู้บริหารโรงเรียน ร่วมแสดงความคิดเห็นและนำเสนอแนวทางในการปรับปรุงระบบการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและอนาคตของประเทศ
นักเรียนต้องมีบทบาทในการกำหนดอนาคตการศึกษา
ลีนวัฒน์ ริ้วธำรงสฤษฏ์ อนุกรรมการด้านการศึกษา ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะตัวแทนผู้เรียนว่า การปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.การศึกษาที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกเครื่องระบบการศึกษาของไทย หลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานาน แต่ทั้งนี้ ยังคงมีหลายประเด็นที่ผู้เรียนมองว่าขาดตกบกพร่อง ซึ่งต้องการให้มีการเพิ่มเติมเพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวแทนผู้เรียน ได้กล่าวเน้นถึงความสำคัญของการศึกษาฟรีที่เข้าถึงได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการเงินที่อาจทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา รวมถึงการลดภาระที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนของคุณครู เพื่อให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนานักเรียนได้อย่างเต็มที่
“เราอยากให้คุณครูได้ทำหน้าที่ของคุณครูอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่มีงานแทรก อย่างเช่น ไปทำจัดซื้อ ไปทำการเงิน ทำให้โฟกัสของคุณครูที่มีต่อนักเรียนน้อยลงไป ทำให้ผู้เรียนอาจจะได้รับการศึกษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ” ลีนวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้มีการเพิ่มบทบาทของนักเรียนในคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อให้นักเรียนมีเสียงในการตัดสินใจที่สำคัญเกี่ยวกับการศึกษา รวมถึงเรื่องความสำคัญของความปลอดภัยในโรงเรียน ทั้งในด้านร่างกายจิตใจ และการเดินทาง
สิทธิของเด็กต้องถูกกำหนดอย่างชัดเจน
ขณะที่ ปาริชาติ ชัยวงษ์ อนุกรรมการด้านการศึกษา ได้กล่าวถึงความสำคัญของการระบุสิทธิของเด็กในร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ที่ในหลายหลายฉบับระบุถึงสิทธิที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการพักผ่อนสิทธิอาหารกลางวันสิทธิในการเดินทาง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เห็นสิทธิของเด็ก ๆ แต่ยังเกิดคำถามว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการทำให้สิทธิเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง เพราะหากไม่ระบุว่ารัฐและองค์กรส่วนปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องจัดให้ สุดท้ายจะกลับมาเป็นหน้าที่ของโรงเรียน รวมถึงยังมองว่า พ.ร.บ.การศึกษาร่างใหม่ ควรเรียนรู้จากข้อบกพร่องของ พ.ร.บ.ฉบับก่อน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ปาริชาติ ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้กับครูและผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้การตัดสินใจด้านการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเน้นถึงความสำคัญของการกำหนดเป้าหมายของการศึกษา และสร้างช่องทางให้โรงเรียนสามารถส่งข้อเสนอแนะกลับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปได้
“ระเบียบข้าราชการครูไม่มีช่องให้ครูสามารถที่จะให้ความเห็นถึงงานที่ไม่ได้ไม่เป็นไปตามจรรยาบรรณ แต่เป็นภาระงานที่ทำให้เราเป็นข้าราชการมากกว่าเป็นครู” ปาริชาติ สะท้อนปัญหาระบบ
ระบบการศึกษาต้องยืดหยุ่นและบูรณาการ
ส่วน ศุภโชค ปิยะสันติ์ อนุกรรมการด้านการศึกษา ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน โดยเน้นถึงความสำคัญของการบูรณาการการศึกษาระหว่างกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีโรงเรียนของตนเอง เพื่อให้การศึกษามีความเป็นเอกภาพ

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวคิดเรื่องความยืดหยุ่นของระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กสามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางการเรียนของตนเองได้อย่างสะดวก ลดอุปสรรคระหว่างระดับการศึกษาต่าง ๆ อีกทั้งยังกล่าวถึงความจำเป็นในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเรียนฟรี และการกระจายอำนาจไปยังชุมชนและโรงเรียน เพื่อให้ครูและผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาได้มากขึ้น
“ผมมองว่าจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสุดของคุณภาพการศึกษาอยู่ที่โรงเรียนและห้องเรียน อะไรที่เป็นอุปสรรคทำให้ ไม่ สามารถสร้างการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์ เราต้องรีบแก้ และเพิ่มทรัพยากรที่จำเป็น ถ้าเราเพิ่มทรัพยากรในระดับส่วน กลางมากเกินไปไม่ไปถึงโรงเรียน คุณภาพก็ไม่เกิดที่โรงเรียน” ศุภโชค ระบุ
ข่าวเกี่ยวข้อง
สภาผู้บริโภค เตรียมเสนอ นายกฯ ทบทวน “พ.ร.บ.การศึกษา” เหตุขาดการมีส่วนร่วม
เสียงจาก “เยาวชน-นักการเมือง” ขอร่วมร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
ถึงเวลาปฏิรูป พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ตอบโจทย์อนาคต
ปิดท้ายที่ อรรถพล อนันตวรสกุล ประธานคณะอนุกรรมการด้านการศึกษา ระบุว่า ที่ผ่านมามีการจัดเวทีเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษา 2 ครั้ง เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยในเวทีเสวนาได้เชิญผู้แทนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เรียน ตัวแทนครู และผู้บริหารโรงเรียน มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสะท้อนปัญหาก่อนที่ร่าง พ.ร.บ.การศึกษา จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป