สภาผู้บริโภคค้าน รับฟังความเห็นฯ ผังเมืองรวม กทม. (ครั้งที่ 4) ขาดผู้แทนผู้บริโภค

สภาองค์กรผู้บริโภค คัดค้านการจัดประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวกับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ย้ำขอให้คำนึงถึงสิทธิความเป็นอยู่ของประชาชนทุกภาคส่วน โดยเชิญทุกภาคส่วน ทุกกลุ่มในการจัดประชุมรับฟังความเห็น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง

จากกรณีที่สำนักการวางผังเมืองและพัฒนาเมืองกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดจัดประชุมรับฟังความเห็นโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4)  ที่จัดขึ้นในวันที่ 8, 13 และ 15 มิถุนายน 2566 และได้มีการเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) นั้น

วันนี้ (14 มิถุนายน 2566) อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้หารือร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะหน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร สภาผู้บริโภค และเครือข่ายปกป้องคุณภาพชีวิตคนเมือง (คปช.) ถึงประเด็นการจัดรับฟังความเห็นการวางและจัดทำผังเมืองรวม กทม. และพบว่ามีข้อกังวลในการเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อรับฟังความคิดเห็น ที่ไม่ครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในกรุงเทพมหานคร และตัวแทนผู้บริโภคตามกฎหมาย เช่น สภาองค์กรของผู้บริโภค และเครือข่ายผู้บริโภค 50 เขตในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเปิดรับฟังเพียงเฉพาะกลุ่มโดยเฉพาะหน่วยงานและภาคเอกชนเท่านั้น

ดังนั้น สภาผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ขอให้สำนักการวางผังเมืองและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร ทบทวนกระบวนการการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว และขอคัดค้านการจัดประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวกับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) โดยเห็นว่าประเด็นการรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องอ่อนไหวและส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนในกรุงเทพมหานครและยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ดังนั้นการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองควรคำนึงถึงสิทธิความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ ที่รวมไปถึงชนชั้นกลาง และผู้มีรายได้น้อย จึงขอให้หน่วยงานเปิดรับฟังความเห็นกับทุกภาคส่วน เหมือนที่ได้จัดเฉพาะให้กับหน่วยงานและภาคเอกชน

“ประเด็นการรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องอ่อนไหว ส่งผลกระทบและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรงของคนกรุงเทพฯ ดังนั้นการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองควรคำนึงถึงสิทธิความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ ที่รวมไปถึงชนชั้นกลาง และผู้มีรายได้น้อย จึงขอให้หน่วยงานเปิดรับฟังความเห็นกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน รวมถึงภาคประชาชน อย่างสภาผู้บริโภคที่เป็นผู้แทนผู้บริโภคตามกฎหมายและเครือข่ายผู้บริโภค 50 เขต ในกรุงเทพฯ ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานคร เพราะคนกลุ่มนี้ควรมีทั้งสิทธิและเสียงในการรับฟังและแสดงความคิดเห็น” อิฐบูรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ประเด็นความกังวลในการรับฟังความคิดเห็น มีข้อคิดเห็น โดยสรุปดังต่อไปนี้

            1. การจัดการรับฟังความคิดเห็นให้มีผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม เป็นการรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องจากเรื่องที่รับฟังความคิดเห็นดังกล่าวมีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ดั้งนั้นประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 77 ‘รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน’

            และ 2. การประชาสัมพันธ์และกระบวนการการรับฟังความคิดเห็น มิได้มีการเชิญภาคประชาสังคม หรือภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม รวมไปถึงการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) เป็นการจัดการประชุมอย่างกระชั้นชิด และไม่สอดคล้องกับกำหนดการ ทำให้เกิดความสับสนในการรับรู้ จึงไม่สามารถทราบได้ว่าจะได้รับการเชิญหรือไม่ และไม่อาจทราบได้ว่าจะมีการจัดประชุมในรูปแบบใด และจะแสดงความคิดเห็นได้อย่างไร


#สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค #ผู้บริโภค