ส่องนโยบายผู้บริโภค ด้านการเงินและการธนาคาร ประจำเดือนตุลาคม 2566

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ แจงสภาผู้บริโภคการเปิดเผยบัญชีม้า ไม่สามารถทำได้อ้างชื่อบัญชีธนาคารเป็นข้อมูลส่วนบุคคลการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 อนุกรรมการฯการเงินแย้งกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลไม่คุ้มครองมิจฉาชีพ

ในการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร ครั้งที่ 10/2566 มีนายกมล กมลตระกูล กรรมการนโยบาย และประธานอนุกรรมการฯ เป็นประธานในที่ประชุม ได้มีการติดตามความคืบหน้าในการจัดทำข้อเสนอ แนวทางการจัดการปัญหาและมาตรการป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 สภาผู้บริโภครับได้หนังสือตอบกลับจากสมาคมสถาบันการเงินของรัฐว่า ได้พิจารณาข้อเสนอทั้ง 3 ข้อของสภาผู้บริโภคแล้ว มีผลการพิจารณาดังนี้

เรื่องที่หนึ่ง ปฏิเสธการขอให้สถาบันการเงินเปิดเผยบัญชีมิจฉาชีพ (บัญชีม้า) และบัญชีแบล็คลิสให้ผู้บริโภคทราบ และมีระบบการแจ้งเตือนหมายเลขบัญชีที่ต้องสงสัยที่ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด (High Risk) เพื่อแจ้งเตือนก่อนจะมีการโอนเงินไปยังบัญชีมิจฉาชีพเหล่านั้น โดยสถาบันการเงินของรัฐเห็นว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบัญชีและการแจ้งเตือนบัญชีให้ผู้บริโภคทราบได้ เนื่องจากชื่อบัญชีธนาคารเป็นข้อมูลส่วนบุคคลการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และผู้บริโภคไม่ใช่บุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 สถาบันการเงินของรัฐจึงไม่สามารถเปิดเผยได้

ในเรื่องนี้อนุกรรมการการเงิน การธนาคารสภาผู้บริโภคเห็นว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลควรคุ้มครองสุจริตชน เจ้าของบัญชีม้าไม่ควรได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายนี้ เนื่องจากไม่ใช่สุจริตชนและยังเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ส่งผลเสียหายต่อประชาชนและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จึงควรเปิดเผยรายชื่อบัญชีม้าเพื่อป้องกันภัยให้แก่บุคคลอื่น

เรื่องที่สอง สถาบันการเงินของรัฐแจ้งว่าได้ดำเนินการตามข้อเสนอของสภาผู้บริโภคแล้ว ในการดำเนินการวางแนวปฏิบัติและกำชับให้พนักงานของธนาคารปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยได้จัดทำนโยบาย ระเบียบ คู่มือกระบวนการตามแนวปฏิบัติของสมาคมธนาคารไทย และร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการระงับธุรกรรมชั่วคราว เมื่อพบเหตุอันควรสงสัยหรือได้รับข้อมูลจากระบบตามม. 4 ของ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 แล้ว

เรื่องที่สาม การขอให้กำหนดหลักเกณฑ์ให้สถาบันการเงินตั้งกองทุน หรือทำหลักประกันคุ้มครองความเสียหายในการฝากเงินกับสถาบันการเงิน สถาบันการเงินของรัฐ แจ้งว่า สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีการบริหารจัดการภายในเกี่ยวกับการเยียวยาความเสียหายของผู้บริโภคแล้ว การจัดตั้งกองทุน หรือทำหลักประกันคุ้มครองความเสียหายในการฝากเงินกับสถาบันการเงินกรณีเกิดภัยทุจริตทางการเงิน ควรหารือร่วมกันในเชิงนโยบายของหน่วยงานทางการ เพื่อพิจารณาภาพรวมในประเด็นต่างๆ อย่างรอบด้าน เช่น ข้อกฎหมาย การดำเนินการ งบประมาณเงื่อนไขข้อกำหนดการเยียวยาฃ

ทั้งนี้ที่ประชุมอนุกรรมการการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค มีมติให้จัดประชุมร่วมระหว่างสภาผู้บริโภค กับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อผลักดันมาตรการการเปิดเผยข้อมูลบัญชีมิจฉาชีพให้แก่ผู้บริโภคทราบต่อไป