กระทรวงพลังงานตอบรับสภาผู้บริโภค กำหนดเวลานัดหมายเข้าพบ รมว.พลังงาน 17 ตุลาคม 2566 ได้บทสรุปข้อเสนอแก้ปัญหาพลังงานทั้งระบบ ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน
ตามที่คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค โดยมีข้อคิดเห็นว่า การเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นอกจากจะทีข้อเสนอรื่องการแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแล้ว ควรมีข้อเสนอในเรื่องราคาน้ำมันและราคาก๊าซหุงต้ม และแนวทางการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงจากสภาวะโลกร้อนรวมอยู่ด้วย
ดังนั้น ในการประชุมคณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค ครั้งที่ 9/2566 จึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือต่อในเรื่องนี้ และได้ข้อสรุปในข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันสำเร็จรูปและราคาก๊าซหุงต้ม 5 ข้อ ดังนี้
1. ให้ยกเลิกการคิดราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันของประเทศไทยด้วยการอิงราคาตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของตลาดสิงคโปร์ บวกค่าพรีเมียม โดยให้อ้างอิงเฉพาะราคาน้ำมันสำเร็จรูปของตลาดสิงคโปร์เท่านั้น
2. ให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอให้กระทรวงการคลังออกประกาศลดฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจาก 3.67 บาทต่อลิตร เหลือไม่เกิน 1 บาท ต่อลิตร และลดฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันแก๊ซโซฮอล 95 จาก 5.85 บาทต่อลิตร ให้เหลือไม่เกิน 2.50 บาทต่อลิตร เพื่อให้ส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ 95 และน้ำมันดีเซลต่างกันไม่เกิน 5 บาทต่อลิตร
3. ให้กระทรวงพลังงงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณากำกับให้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อชดเชยในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นทั้งเบนซินและดีเซลตามที่ พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 บัญญัติไว้ ไม่ควรนำเงินสะสมในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของผู้ใช้เบนซินไปชดเชยให้เฉพาะผู้ใช้น้ำมันดีเซลฝ่ายเดียว หรือมีการชดเชยข้ามผลิตภัณฑ์ โดยให้แยกบัญชีกองทุนน้ำมันออกเป็นสองบัญชี คือ บัญชีน้ำมันกลุ่มเบนซิน และบัญชีกลุ่มดีเซล เพื่อให้การบริหารกองทุนน้ำมันเกิดความเป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันในแต่ละกลุ่ม
4. ให้ควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 3 – 5 บาทต่อลิตร ให้เหลือตามมติ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 คือมีค่าการตลาดเฉลี่ยที่ 1.85 บาทต่อลิตร โดยแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ไม่เกิน 1.85 บาทต่อลิตรและดีเซลไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร โดยให้กระทรวงพลังงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้ความเห็นชอบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติดำเนินการตามมาตรา 25(1) ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการควบคุมและกำกับราคาสินค้า พ.ศ. 2542
5. ขอให้ทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับภาคครัวเรือนหรือก๊าซหุงต้มใหม่ ส่วนผู้ใช้กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคปิโตรเคมี ให้ใช้การเฉลี่ยต้นทุน ราคาที่แท้จริงแบบถ่วงน้ำหนักจากก๊าซ LPG สามแหล่ง ได้แก่ ราคา LPG จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในประเทศ ส่วนที่เหลือใช้จากภาคครัวเรือน ราคา LPG จากโรงกลั่นน้ำมัน ราคา LPG จากการนำเข้า ให้เป็นไปตามวิสัยของการแข่งขันทางธุรกิจทั่วไป
ทั้งนี้จากการประสานงานกับกระทรวงพลังงาน สภาผู้บริโภคพร้อมเครือข่ายขับเคลื่อนค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรม เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย จะสามารถเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ในวันที่ 17 ตุลาคม 2566