
สภาผู้บริโภคเรียกร้อง กสทช. เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ก่อนเดินหน้าประมูลคลื่นความถี่ หวั่นการแข่งขันไม่เป็นธรรม กระทบผู้ใช้บริการ และอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดโทรคมนาคม
จากการที่ประธาน กสทช. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ศึกษาแนวทางประมูลคลื่นความถี่ใหม่ เมื่อ 12 มีนาคม 2568 หลังมีข้อกังวลเรื่องการแข่งขันไม่เป็นธรรมและความเสี่ยงในการผูกขาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในวงกว้างนั้น (อ่านต่อที่ : บอร์ดกสทช. สั่งทบทวนแผนประมูลคลื่น ปิดช่องเอกชนฮั้วราคา)


ประเด็นนี้ สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เน้นย้ำว่าการกำหนดแนวทางการศึกษาการประมูลคลื่นความถี่ควรผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ก่อนนำเสนอให้บอร์ด กสทช. พิจารณา
สภาผู้บริโภคเสนอให้มีการกำหนดประเด็นสำคัญในการรับฟังความคิดเห็น เช่น ความสมเหตุสมผลของการลดราคาขั้นต่ำ (Reserved Price) ลง 30% ในสถานการณ์ที่ตลาดมีผู้เล่นหลักเพียงสองราย รวมถึงการพิจารณาว่าราคาเริ่มต้นที่กำหนดสอดคล้องกับสภาพตลาดหรือไม่ นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาความเหมาะสมของสิทธิ หน้าที่ และเงื่อนไขในการอนุญาตว่ามีส่วนช่วยส่งเสริมการให้บริการเครือข่ายเสมือน (MVNO) หรือไม่ รวมถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคในกรณีที่คลื่นความถี่ของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หมดอายุสัญญา และความจำเป็นของการประมูลคลื่นความถี่ใน 6 ย่านความถี่ว่าจะช่วยให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดจริงหรือไม่
ขณะที่หากเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 2 ราย ควรมีการจำกัดการถือครองแถบคลื่นความถี่หรือไม่ และหากถือครองเกินกว่าครึ่งจะส่งผลต่อการแข่งขันอย่างไร รวมถึงความพร้อมของ กสทช. ในการกำกับดูแลด้านกิจการโทรคมนาคมจะอยู่ที่ใด โดยเฉพาะหลังการรวมธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์เคลื่อนที่ กสทช. ยังมีประเด็นการกำกับดูแลเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ และการที่ภาคเอกชนสามารถเสนอให้ปรับลดเงื่อนไขได้นั้น จึงเกิดคำถามว่าจะมีอะไรเป็นหลักประกันให้กับผู้บริโภค
“แม้ระยะเวลาการตัดสินใจเกี่ยวกับการประมูลคลื่นจะมีข้อจำกัด แต่หากมีการระดมสมองและหาทางออกที่เหมาะสม ก็อาจนำไปสู่แนวทางที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ กสทช. ควรมีการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคหลังการประมูลอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับบริการที่มีคุณภาพ คุ้มค่า และได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐ” สุภิญญา เน้นย้ำ
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และบอร์ด กสทช. เพื่อเรียกร้องให้ชะลอการประมูลและทบทวนหลักเกณฑ์ เนื่องจากมีความกังวลว่าการประมูลครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน โดยเฉพาะในตลาดที่มีผู้เล่นหลักเพียงสองราย อีกทั้งยังไม่มีหลักประกันว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านคุณภาพบริการ ราคา หรือการคุ้มครองจากภาครัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การผูกขาดที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในระยะยาว
ด้าน อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวขอบคุณ กสทช. ที่มีมติให้สำนักงานศึกษาทบทวนแนวทางการประมูลคลื่นใหม่ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการที่เร่งรีบและขาดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเน้นย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวควรอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งต่อผู้ประกอบการรายเดิม รายใหม่ และผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ


อิฐบูรณ์ ระบุอีกว่าว่า หากมีการกำหนดแนวทางการประมูลใหม่ กสทช. ควรเปิดรับความคิดเห็นจากสาธารณะอีกครั้ง เช่นเดียวกับกระบวนการที่ผ่านมา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายได้รับโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และการทำงานของ กสทช. ควรอยู่ในกรอบของหลักธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ตามที่คณะกรรมการ กสทช. ได้ตั้งเจตจำนงไว้
“กสทช. ต้องพิจารณาทุกการตัดสินใจโดยใช้ดุลพินิจที่เป็นธรรม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตลาดโทรคมนาคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย” รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง