พบ กตป. ชี้แจงประเด็นการลงมติ กสทช. กรณีทรู-ดีแทค อาจผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เดินทางไปชี้แจงตามคำเชิญของคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)รวมถึงเลขาธิการ กสทช. ในประเด็นการลงมติของ กสทช. ที่รับทราบการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรู – ดีแทค พร้อมกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ

โดยเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ชี้แจงต่อ กตป. โดยสรุปว่า การลงมติดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ และประกาศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่กำหนดให้ กสทช. มีหน้าที่ปกป้องประโยชน์สาธารณะ ด้วยการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมไม่ให้เป็นไปเพื่อการผูกขาด หรือ ลดการแข่งขัน และให้ กสทช. มีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตการควบรวมกิจการประเภทเดียวกันที่นำไปสู่การผูกขาดของตลาดคลื่นความถี่

อีกทั้งการลงมติซ้ำของประธานกรรมการ กสทช. อาจไม่โปร่งใส นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทั้งศาลปกครองและคณะกรรมการกฤษฎีกามีการวินิจฉัยออกมาแล้วว่า กสทช. มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ควบรวมกิจการโทรคมนาคม

รวมถึงปัจจุบันยังไม่มีการเปิดรายงานผลการศึกษาการควบรวมกิจการทุกฉบับออกมา โดยเฉพาะรายงานของบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศฉบับที่ 3 ที่มีข้อมูลระบุออกมาว่าจะมีการเผยแพร่ออกมาในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 แต่ กสทช. กลับมีการตัดสินลงมติก่อนที่รายงานฉบับที่สามนี้จะถูกเผยแพร่ออกมา

เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุอีกว่า สภาองค์กรฯ มีความคาดหวังว่า กตป. จะเร่งรัดทำรายงานในประเด็นการลงมติของ กสทช. กรณีการควบรวมกิจการระหว่างทรู-ดีแทค ไปยังวุฒิสภา เพื่อให้มีการพิจารณามติ กสทช. กรณีให้ควบรวมทรูดีแทคที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้ กตป. มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นการควบรวมกิจการดังกล่าวในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเป็นผู้ดำเนินการ

หลังจากนี้สภาองค์กรฯ จะรวบรวมรายชื่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับมติ กสทช. เสียงข้างมากที่เปิดทางให้มีการควบรวมค่ายมือถือทรู-ดีแทค และฟ้องศาลปกครองเพิกถอนมติดังกล่าว และขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปร่วมกันลงชื่อสนับสนุนในการดำเนินการครั้งนี้ ได้ที่ลิงก์ : https://forms.gle/AdnBHxPL8GRsiYNw6

การลงชื่อเพื่อสนับสนุนในครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในการแสดงออกของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยต่อการลงมติดังกล่าวที่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะ และเป็นกระบวนการที่ผิดต่อบทบัญญัติทางกฎหมาย ผ่านทางการดำเนินการของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่พึ่งอำนาจทางตุลาการเพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป