ในแต่ละวันที่เราซื้อของสดกลับมาปรุงที่บ้าน นั่งทานที่ร้าน หรือสั่งเดลิเวอรี่ แต่กลับปัญหาสิ่งปนเปื้อนที่เป็นซากแมลง เศษพลาสติกหนังยาง หรือของแปลกปลอมอื่น ๆ ในอาหารนั้น ต้องถ่ายรูปเก็บหลักฐานใบเสร็จรับเงิน ข้อความการสั่งซื้อหรืออื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานเพื่อร้องเรียนได้
ความไม่ปลอดภัยจากการเจอสิ่งปนเปื้อนในอาหารนั้น เราพอจะแบ่งออกได้ 3 กรณี ดังนี้
- กรณีอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วพบว่า มีสิ่งปนเปื้อนทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เช่น เศษแก้ว ก้อนกรวด ลวดเย็บกระดาษ จิ้งจก และตะกอนขาวขุ่น เป็นต้น
- กรณีอาหารที่ซื้อมาเปิดภาชนะออกแล้วพบว่ามีสิ่งปนเปื้อน เช่น เส้น ขนต่างๆ ขาแมลง ตัวแมลง แต่ยังไม่ได้บริโภคหรือรับประทาน
- กรณีอาหารที่ซื้อมาแล้วพบสิ่งปนเปื้อนในอาหารโดยไม่ได้เปิดภาชนะแต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดแล้วเจอสิ่งปนเปื้อน เช่น แมลงวัน หรือจากกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือการไปกินร้านชาบู หมูกระทะ แล้วเจอฝีในหมู
สิ่งที่ร้านอาหารปฏิบัติส่วนมากก็เพียงกล่าวคำขอโทษ แล้วเปลี่ยนจานหรือบางร้านให้สิทธิกินฟรีอีกครั้ง แต่ในฐานะผู้บริโภค ควรต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดการแก้ไขเยียวยามากกว่าคำขอโทษและอาหารหนึ่งมื้อ?
สภาผู้บริโภคมีความเห็นว่ามีความผิดที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายจาก 3 กรณีตัวอย่างข้างต้น ถือว่า ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตอาหารกระทำความผิดเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25(1) เรื่องอาหารไม่บริสุทธิ์
นอกจากนี้ยังมีความผิด โดยมีบทลงโทษอยู่ในมาตรา 58 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ที่สำคัญหากไม่สามารถตกลงกันได้ก็สามารถใช้กระบวนการฟ้องร้องต่อศาลโดยใช้กฎหมายช่วยฟ้องหรือพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคพ.ศ.2551 ในการดำเนินการฟ้องได้
หากผู้บริโภคพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ ให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. ควรเก็บตัวอย่างอาหารที่พบปัญหาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน รวมถึงเก็บข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ไว้ ได้แก่ ชื่อสินค้า ชื่อ – ที่อยู่ผู้ผลิต วันเวลาที่ซื้อ สินค้า สถานที่ซื้อสินค้า การระบุสถานที่ซื้อสินค้าควรเจาะจงให้ชัดเจน เช่น ห้างใด สาขาใด ชื่อตลาดว่าอะไร แผงใด รวมถึงใบเสร็จ
2. หากได้รับความเสียหายจากการบริโภคอาหารนั้น ๆ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และขอใบรับรองแพทย์ พร้อมเก็บใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลไว้เป็นหลักฐาน
3. รีบนำตัวอย่างอาหารและหลักฐานทั้งหมดแจ้งไปที่ร้านอาหารหรือแหล่งที่ซื้ออาหารมา และหากร้านไม่แก้ไขให้แจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือหากไม่มีความคืบหน้าสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่เบอร์สายด่วน 1556 โดยต้องระบุปัญหาและความต้องการให้ชัดเจน เช่น ขอเปลี่ยนสินค้า ขอคืนเงิน หรือให้ชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นต้น
*หมายเหตุ : หลักฐานตัวจริงทั้งหมดให้เก็บไว้ที่ตนเอง ห้ามให้หน่วยงานหรือผู้ประกอบการโดยเด็ดขาด
แต่หากไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือแจ้งหน่วยงานกำกับดูแลให้เข้าตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค ตามช่องทางดังต่อไปนี้
- ร้องเรียนออนไลน์ คลิกลิงก์ https://crm.tcc.or.th/?entryPoint=Portal&action=complain#noopener%20noreferrer
- ไลน์ออฟฟิเชียล (Line Official) : @tccthailand หรือคลิกลิงก์ https://lin.ee/uhDyO1U
- อีเมล : [email protected]
- โทรศัพท์ : 02 239 1839 กด 1, 081 134 9215 หรือ 081 134 9216
- อินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก (Facebook Inbox) : สภาองค์กรของผู้บริโภค