สภาผู้บริโภครับร้องเรียน ผู้บริโภคแพ้กาแฟกัญชาจากตู้กด เสี่ยงภัยสุขภาพ

สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีผู้บริโภค ‘แพ้กาแฟกัญชา’ จากตู้กดกาแฟอัตโนมัติที่ไม่ได้ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการ เตือนประชาชนระมัดระวังการบริโภคกาแฟดังกล่าว อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

สภาผู้บริโภค เผย หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข ประกาศปลดล็อกกัญชาและกัญชงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนได้เห็นเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา เช่น กาแฟกัญชา จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคอยู่ในร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งตามตู้กดสินค้าอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชานั้น จำเป็นต้องได้รับการควบคุม เพราะการได้รับสาร ทีเอชซี (Tetrahydrocannabinol : THC) ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้บริโภคได้ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา จึงเข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งในมาตรา 31 กำหนดว่ากิจการเหล่านี้ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนเริ่มดำเนินกิจการ

แต่ไม่นานมานี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้รับข้อมูลมาว่า พบตู้ ‘กาแฟกัญชา’ แบบหยอดเหรียญ ติดตั้งอยู่ในตลาดแห่งหนึ่ง และคาดเดาว่าน่าจะมีอีกหลายแห่ง โดยไม่ได้ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อ้างข้อกฎหมายใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2558 ข้อ 3 ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งที่ระบุว่า กิจการเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม น้ำดื่มที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพนั้น หากอยู่ในสถานที่จำหน่ายอาหาร การเร่ขาย การขายในตลาด และการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน ไม่ต้องขออนุญาต

คำถามคือ หากไม่มีการขออนุญาต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าเครื่องดื่มในตู้ดังกล่าวจะมีปริมาณสารทีเอชซีตามที่กำหนดในประกาศกรมอนามัย (อ่านประกาศได้ที่ : ประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ.2565) ผู้บริโภคจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เครื่องดื่มที่ซื้อมาจากตู้ดังกล่าวนั้นปลอดภัย และหากมีกรณีที่ผู้บริโภคซื้อกาแฟผสมกัญชาจากตู้ดังกล่าวมาดื่ม แล้วเกิดอาการแพ้หรือได้รับความเสียหาย จะสามารถร้องเรียนได้ที่ไหน และใครเป็นผู้รับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สภาผู้บริโภค ส่งหนังสือแสดงข้อห่วงใยถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็นการจำหน่ายอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาโดยที่ไม่มีมาตรการรองรับ เช่น ขาดการติดตามตรวจสอบและรายงานเรื่องผลกระทบอย่างเป็นระบบ ไม่มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียน กรณีผู้บริโภคได้รับผลกระทบในการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชา เป็นต้น (อ่านข่าวได้ที่ : ข้อห่วงใยถึง รมว.สธ. กรณีปลดล็อกกัญชา ชี้ อาหารผสม ‘กัญชา’ อันตราย) ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ระหว่างที่ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนจากภาครัฐ ภาคประชาสังคมอย่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทำแคมเปญให้ประชาชนที่สนใจมาช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมกัญชา ให้ติดป้ายประกาศหน้าร้าน ว่า “ร้านนี้ไม่มีกัญชา” ส่วนร้านที่ใช้กัญชาเป็นส่วนผสมควรติดป้ายบอกให้ชัดเจนว่ามีการใช้กัญชา โดยเฉพาะกาแฟกัญชา รวมถึงแจ้งข้อควรระวังหลังรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาด้วย (ร่วมโหวตกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่นี่ เห็นด้วยหรือไม่ ธุรกิจร้านอาหารที่ไม่มีส่วนผสมกัญชาในอาหารให้ติดป้ายประกาศหน้าร้าน ว่า “ร้านนี้ไม่มีกัญชา”)