ปกติแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยจะพองขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวของเรากระแทกกับพวงมาลัย หรือส่วนอื่น ๆ ของรถ แต่ถุงลมนิรภัยที่ทำงานผิดพลาดนั้น จะสร้างแรงดันอากาศที่มากเกินไป จนทำให้ถุงลมนิรภัยระเบิด และมีชิ้นส่วนโลหะของรถและถุงลมกระเด็นใส่ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารเบาะหน้า
นับตั้งแต่ ปี 2541 มีผู้เสียชีวิตจากเหตุถุงลมนิรภัยทาคาตะระเบิดในหลายประเทศ และระหว่างปี 2551 จนถึงปัจจุบัน มีการเรียกคืนรถจำนวนเกือบ 100 ล้านคันทั่วโลกเพื่อเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
โดยรถยนต์ 8 ยี่ห้อที่ต้องเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ได้แก่รถยนต์ยี่ห้อ เซฟโรเลต (รุ่นปี 2007-2015) บีเอ็มดับบลิว (รุ่นปี 1998-2018) ฟอร์ด (รุ่นปี 1998-2014) ฮอนด้า (รุ่นปี 1998-2014) มาสด้า (รุ่นปี 2004-2014) มิตซูบิชิ (รุ่นปี 2005-2015) นิสสัน (รุ่นปี 2000-2014) และ โตโยต้า (รุ่นปี 2001-2014)
นอกจากนี้ ล่าสุดยังพบข้อมูลในต่างประเทศว่ามีรถยนต์อื่น ๆ ที่พบปัญหาการชำรุดบกพร่องของถุงลมนิรภัยทาคาตะ เช่น เทสล่า (Tesla) โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) อาวดี้ (Audi) เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) และเล็กซัส (Lexus) เป็นต้น
ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุถุงลมนิรภัยระเบิด 3 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย และคาดว่าอาจมีอีกหลายกรณีที่เสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยระเบิด แต่ถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิตจากความรุนแรงของอุบัติเหตุ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้ง 6 กรณีได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
เร่งฮอนด้าเยียวยาผู้บาดเจ็บจากถุงลมระเบิด พร้อมจี้กรมขนส่งฯ ส่งสารเตือนภัยถึงมือเจ้าของรถhttps://bit.ly/3OLU63J
นับตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2565 ที่สภาองค์กรของผู้บริโภคได้จัดแถลงข่าวและรณรงค์ให้เจ้าของรถยนต์ 8 ยี่ห้อที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยชำรุด ยี่ห้อทาคาตะ (Takata) นำรถมาเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ได้มีผู้บริโภคนำรถเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยแล้วประมาณ 70,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ยังเหลือรถยนต์อีกกว่า 610,000 คัน ที่ยังไม่ได้เข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
คลิ้กที่นี่ ตรวจสอบรุ่นรถยนต์ ที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย! หรือสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อตรวจสอบยี่ห้อ และรุ่นรถยนต์ที่ต้องเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยใหม่…เปลี่ยนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!!!
