สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) หารือ DSI กรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจองค์กรสมาชิกโดยไม่มีหมายแจ้ง ด้านรองอธิบดี DSI ระบุ พร้อมรับข้อทักท้วงเข้าพิจารณา
จากการที่ สอบ. แถลงข่าวเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรม และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ (DSI) ตรวจสอบบุคคลที่แสดงตนว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ดีเอสไอขอเข้าตรวจค้นองค์กรสมาชิก สอบ. โดยไม่ได้มีหนังสือหมายเชิญให้ถ้อยคำ อีกทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแสดงพฤติกรรมที่ สอบ. เห็นว่าอาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้น
23 พฤศจิกายน 2564 ตัวแทน สอบ.เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อหารือและทวงถามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว กับ พ.ต.ท. สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมฯ โดยมีประเด็นคำถาม ดังต่อไปนี้
1. สอบ. ต้องการทราบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับ สอบ. เนื่องจากองค์กรสมาชิกที่ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบนั้นไม่ได้อยู่ในรายชื่อของ 16 องค์กรผู้บริโภคที่ถูกร้องเรียนก่อนหน้า
2. การที่ดีเอสไอลงไปตรวจสอบองค์กรสมาชิก สอบ. อยู่ในขอบเขตอำนาจของดีเอสไอหรือไม่ เนื่องจาก สอบ. เห็นว่า หน้าที่ในการตรวจสอบองค์กรสมาชิก สอบ. เป็นหน้าที่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562
3. สอบ. ต้องการทราบขั้นตอนของดีเอสไอว่ามีกระบวนการสืบสวนอย่างไรเมื่อมีผู้มาร้องเรียน และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอสามารถเข้าไปตรวจสอบในเคหสถานของประชาชน โดยไม่แสดงเอกสารคำสั่งหรือหมายค้นใด ๆ ได้หรือไม่ หากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่ากรอบอำนาจหน้าที่ ดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ในประเด็นคำถามข้างต้น พ.ต.ท. สุภัทธ์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องเอกสารข้อร้องเรียนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากข้อมูลในเอกสารดังกล่าวเป็นข้อมูลของผู้ร้องเรียนที่ไม่สามารถเปิดเผยได้อยู่แล้ว ส่วนกระบวนการสืบสวนของดีเอสไอ เมื่อมีผู้ร้องเรียนจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อน โดยวิธีการสืบข้อเท็จจริงมีหลายรูปแบบ ทั้งการหาข้อมูลออนไลน์ แบ่งเป็นการลงไปตรวจสอบในพื้นที่ หรือการทำหนังสือขอข้อมูล และหากมีหลักฐานว่ามีมูลกระทำความผิดทางอาญา จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า กรณีของ สอบ. อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งเป็นคำสั่งของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนก่อนที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งคาดว่าการสืบสวนดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 6 – 12 เดือน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่สะดวกต่อการลงพื้นที่
ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบในพื้นที่นั้นก็ได้สอบสวนเจ้าหน้าที่รายนั้น ๆ แล้ว พบว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำการนอกเหนือหน้าที่หรือเกินขั้นตอนการลงไปสืบสวนในพื้นที่ แต่เมื่อได้รับฟังข้อมูลจาก สอบ. ว่ามีเจ้าหน้าที่บางรายที่ลงพื้นที่ตรวจสอบองค์กรสมาชิก สอบ. และแสดงพฤติกรรมที่อาจจะไม่เหมาะสม อาทิ การไม่แสดงเอกสารหมายแจ้งเข้าตรวจค้น การโทรศัพท์ในเชิงข่มขู่ เป็นต้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมรับข้อทักท้วงดังกล่าวเข้าพิจารณา
ด้าน อารีวรรณ จตุทอง นักกฎหมาย และอนุกรรมการพิจารณาคดีของ สอบ. ตั้งข้อสังเกตว่า ตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562 นั้น องค์กรที่ผ่านการรับรองการเป็นองค์กรผู้บริโภคต่าง ๆ จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก สปน. และในส่วนของจังหวัดจะต้องได้รับการรับรองจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ สปน. มอบหมายก่อน
เพราะฉะนั้นหากดีเอสไอต้องการตรวจสอบที่มาของปัญหาควรต้องไปตรวจสอบจากผู้ที่ให้การรับรององค์กรผู้บริโภคเหล่านั้นแทนที่จะลงไปตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคโดยตรง ส่วนการตรวจสอบเรื่องเงินจำนวน 350 ล้านบาท ที่รัฐอุดหนุนเพื่อเป็นทุนประเดิมในการจัดตั้ง สอบ. นั้น ดีเอสไอควรสอบถามไปยังสำนักงาน สอบ. ที่เป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้กับองค์กรสมาชิกเหล่านั้นมากกว่าหรือไม่
ทั้งนี้ สอบ. จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้บริโภค รวมถึงในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 สอบ. จะเข้าหารือเรื่องดังกล่าวกับคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฏร ที่รัฐสภา