ผู้บริโภคร้องคลินิกเสริมความงาม ห้างดังย่านบางแค กดดันให้ซื้อคอร์สความงาม สุดท้ายรู้ภายหลังเป็นคลินิกไม่มีใบอนุญาต วอนห้างตรวจสอบคลินิกก่อนให้เช่าพื้นที่ แต่ถูกปฏิเสธ หวั่นผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการใช้บริการ
เรื่องเล่าผู้บริโภคครั้งนี้เป็นเรื่องของหญิงสาวท่านหนึ่งที่ไปเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าดังย่านบางแค และถูกพนักงานคลินิกเสริมความงามชื่อว่า ‘เอทัว คลินิก : ETOILE CLINIC’ ขอให้ช่วยทำแบบสอบถาม สุดท้ายถูกกดดันให้ซื้อคอร์ส จำนวน 35,000 บาท
“เราไปห้างแล้วเดินผ่านหน้าคลินิก แล้วถูกชวนทำแบบสอบถาม ตอนแรกปฏิเสธไปแล้วแต่พนักงานขอร้องให้ช่วยทำ เราเลยเห็นใจ พอเข้าคลินิกไปเพื่อช่วยทำแบบสอบถาม กลับโดนพนักงานคนอื่น ๆ รุมล้อม 3 – 4 คน ชักชวนให้ซื้อคอร์สจนอึดอัด เราจึงตกลงซื้อ 1 คอร์ส ให้จบ ๆ ไป คือคอร์ส ‘Celeb Max’ วิตามินสูตรกระจ่างใสขั้นสุด และได้แถมมา 2 คอร์ส คือ วิตามินผิวและเลเซอร์ขน ส่วนพนักงานแนะนำให้ใช้บริการคอร์สที่แถมก่อน โดยอ้างว่าคอร์สหลักต้องให้หมอเป็นผู้ทำ แต่วันนี้หมอไม่อยู่และเราจ่ายเงินไปแล้วจึงตกลงใช้บริการคอร์สแถม คือ เลเซอร์และวิตามินผิว ขณะที่กำลังทำหัตถการอยู่พนักงานยังตามมาขายคอร์สต่อ ทำให้เราอึดอัดมากและไม่อยากมาใช้บริการต่ออีกเลย” ผู้บริโภคกล่าว
ภายหลังผู้บริโภครู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ติดต่อกลับไปยังคลินิกเพื่อขอเงินคืน แต่คลินิกแจ้งว่าจะขอหักค่าหัตถการที่ทำไป ได้แก่ ค่าคอร์สเลเซอร์จำนวน 7,000 บาท และคอร์สวิตามินผิว 3,500 บาท รวมถึงค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการรูดบัตรเครดิต โดยจะได้เงินคืนประมาณ 22,000 บาท ขณะที่ผู้บริโภคไม่เห็นด้วยและต้องการเงินคืน จำนวน 30,000 บาท เนื่องจากหัตถการทั้งเลเซอร์ขนและวิตามินผิวดังกล่าวเป็นคอร์สฟรีที่แถมให้ แต่คลินิกได้คิดค่าคอร์สที่แถมในราคาที่สูงเกินควร
ต่อมาผู้บริโภคได้ไปที่ห้างอีกครั้ง จึงทราบภายหลังว่าคลินิกดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตจัดตั้งคลินิก เพราะที่ป้ายคลินิกมีเพียงชื่อ เอทัว คลินิกเวชกรรม แต่ตรงใบอนุญาตเลขที่เว้นว่างไว้ จึงเกิดความไม่สบายใจ และได้ไปแจ้งฝ่ายบริหารของห้างดังกล่าว เพื่อขอให้ห้างช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยกับคลินิก โดยได้แจ้งกับห้างสรรพสินค้าถึงประเด็นที่คลินิกมาเปิดโดยที่ไม่มีใบอนุญาต แต่ผู้บริหารห้างกลับชี้แจงว่า ห้างมีหน้าเพียงให้เช่าพื้นที่ ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบคลินิก และให้ผู้บริโภคไปฟ้องร้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้บริโภครายนี้จึงเข้ามาร้องเรียนกับสภาผู้บริโภค รวมถึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแจ้งร้องเรียนไปยังรายการโทรทัศน์
“เรารู้สึกว่าห้างต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมด้วย เนื่องจากการจะนำคลินิกมาเปิด ควรตรวจสอบใบอนุญาตก่อน ไม่เช่นนั้นก็เหมือนการนำคลินิกเถื่อนมาเปิด เป็นความไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภคที่จะใช้บริการ อีกทั้ง ควรมีข้อบังคับคลินิกเหล่านี้เวลาจะขายคอร์สด้วย เพราะการกระทำของพนักงานเวลาขายคอร์ส สร้างความอึดอัดใจกับผู้บริโภคที่มาใช้บริการห้าง” ผู้บริโภคระบุ
สภาผู้บริโภคได้แนะนำให้ผู้บริโภคเรียกร้องค่าเสียหายเต็มจำนวน โดยได้มีการเข้าไปเจรจากับคลินิก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการติดต่อกลับจากคลินิก ทั้งนี้สภาผู้บริโภคได้แจ้งทีมทนายคอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาผู้บริโภคไว้ร่วมด้วย นอกจากนี้สภาผู้บริโภคได้แจ้งเรื่องดังกล่าวไปที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ตรวจสอบคลินิกดังกล่าว และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ หากคลินิกยังอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตแต่กลับเปิดให้บริการก่อน ถือว่ามีความผิด และต้องหยุดให้บริการก่อนจนกว่าจะได้รับใบอนุญาต แต่หากเป็นคลินิกที่ไม่มีการขอใบอนุญาตถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ในมาตรา 16 ที่ระบุว่า การประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับถึง 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากผู้บริโภคพบคลินิกที่ไม่มีใบอนุญาตให้แจ้งข้อมูลไปที่สายด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เบอร์ 1426 หรือ 02 193 7000 ในวันและเวลาราชการ เวลา 08.30 – 16.30 น.
จากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น หากผู้บริโภคสนใจใช้บริการคลินิกเสริมความงามควรตรวจสอบเลขที่ใบอนุญาตการเปิดคลินิก กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก่อนที่เว็บไซต์ https://hosp.hss.moph.go.th/ และตรวจสอบข้อสัญญาให้ดีก่อนตกลงใช้บริการ หรือหากไม่ต้องการใช้บริการและรู้สึกกำลังถูกบังคับให้ซื้อคอร์ส อย่าใจอ่อนและปฏิเสธข้อเสนอไปไม่ว่าจะถูกชักชวนหรือกดดันเช่นใดก็ตาม แต่หากหลงซื้อคอร์สไปแล้วและรู้สึกไม่ได้รับความเป็นสามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค ตามช่องทางดังต่อไปนี้
• ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th คลิกลิงก์ https://crm.tcc.or.th/portal/public
• อีเมล : [email protected]
• ไลน์ออฟฟิเชียล (Line Official) : @tccthailand คลิกลิงก์ https://lin.ee/uhDyO1U
• อินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก (Facebook Inbox) : สภาองค์กรของผู้บริโภค
• โทรศัพท์ : 02 239 1839 กด 1