เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดต่อกันหลายวัน เป็นช่วงที่หลายๆคนวางแผนท่องเที่ยวพักผ่อน แต่บางส่วนก็ใช้ช่วงวันหยุดในการรับงานเสริมเพื่อหารายได้ในช่วงนี้ ซึ่งการหางานในปัจจุบันก็มีอยู่ด้วยกันหลายช่องทางและหนึ่งในช่องทางที่นิยมกันมากคือช่องทางออนไลน์ที่แม้จะเป็นช่องทางที่สะดวก ง่ายและรวดเร็วแต่ช่องทางออนไลน์ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงผู้บริโภคด้วยและกลลวงที่พบเจอได้เป็นจำนวนมากนั่นคือ การหลอกทำงานออนไลน์
ที่ผ่านมาสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคกรณีมิจฉาชีพลงโฆษณาแอบอ้างใช้ชื่อของผู้ประกอบการหรือบริษัทต่างๆ โดยมีลักษณะชักจูงใจให้หลงเชื่อ อาทิ เช่น หลอกให้ผู้บริโภคทำงานออนไลน์โดยการสั่งให้ CF สินค้าและจ่ายเงินไปก่อน หลอกให้ขายสินค้าออนไลน์อาจจะเป็นสินค้าที่นิยมในช่วงสงกรานต์อย่างเช่น ปืนฉีดน้ำ เสื้อลายดอก แล้วหลอกให้ลงทุนออนไลน์และอ้างว่าจะได้ส่วนแบ่งคืนเป็นเงินจำนวนที่สูงกว่าเงินที่ลงทุนไป ซึ่งพฤติกรรมลักษณะนี้โดยส่วนมากแล้วเมื่อโอนเงินไป มิจฉาชีพจะลวงให้ผู้บริโภคโอนเงินไปเรื่อยๆโดยใช้ข้ออ้างว่าระบบผิดพลาดไม่สามารถอนเงินได้ จึงต้องโอนเงินไปเพิ่มเพื่อถอนเงิน แต่เมื่อได้เงินตามจำนวนที่ต้องการแล้วมิจฉาชีพก็จะทำการบล๊อคแชทและไม่สามารถติดต่อได้อีก โดยที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้มีการลงแจ้งเตือนภัยรูปแบบกลโกงไว้ด้วยกันหลายรูปแบบ โดยผู้บริโภคสามารถคลิกที่ข้อความเพื่อเข้าชมได้ ซึ่งมีด้วยกันดังนี้
เมื่อโดนหลอกทำอย่างไร
- ติดต่อที่เบอร์สายด่วน 1441 เพื่อแจ้งอายัดบัญชีปลายทางโดยทันที
- รวบรวมหลักฐาน เช่น สลิปโอนเงิน ภาพแชทการสนทนา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจในพื้นที่หรือแจ้งความออนไลน์ที่ www.thaipoliceonline.com
ข้อสังเกต
- ประกาศรับสมัครผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยแอบอ้างใช้เครื่องหมายการค้าของแพลตฟอร์มหรือแบรนด์ดังต่างๆ ควรเช็คข้อมูลกับแบรนด์โดยตรงก่อนสมัครทำงาน
- ระวังการโฆษณาที่มักกล่าวอ้างให้ทำงานง่ายแต่ได้รับผลตอบแทนสูงเกินควร
- เมื่อสมัครงานแล้ว มีการแจ้งให้วางเงินมัดจำ หรือเงินลงทุน หรือสำรองเงินก่อน สามารถสงสัยได้ทันทีว่ากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกลวง อย่าโอนเงินไปเด็ดขาด
- มิจฉาชีพมักให้โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา ไม่ใช่บัญชีของบริษัท ซึ่งผู้บริโภคควรนำชื่อและหมายเลขบัญชีไปตรวจสอบก่อนว่าเคยมีประวัติมิจฉาชีพหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://www.blacklistseller.com/
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับสถานีตำรวจในพื้นที่โดยเร็วที่สุดหรือแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสามารถแจ้งเบาะแสมายังสภาองค์กรของผู้บริโภคได้ที่เบอร์สายด่วน 1502 ตามช่องทางด้านล่างดังต่อไปนี้
- ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th คลิกลิงก์ https://crm.tcc.or.th/?entryPoint=Portal&action=complain…
- ไลน์ออฟฟิเชียล (Line Official) : @tccthailand คลิกลิงก์ https://lin.ee/uhDyO1U
- อินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก (Facebook Inbox) : สภาองค์กรของผู้บริโภค
- อีเมล : [email protected]
- โทรศัพท์ : 1502