เสียงคนไข้ประกันสังคม อยากหายเร็ว ต้องจ่ายเอง

เสียงคนไข้ประกันสังคม อยากหายเร็ว ต้องจ่ายเอง

จ่ายเงินเข้าประกันสังคมทุกเดือนตรงเวลา แต่พอปวดท้องเพราะถุงน้ำดีอักเสบ กลับตรวจว่าเป็นโรคกระเพาะ จนต้องจ่ายเงินตรวจเองจึงพบสาเหตุ เมื่อขอผ่าตัดกลับถูกผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ หรือนี่แปลว่าถ้าอยากหายไวก็ต้องจ่ายเอง?

“ถ้าไม่ตัดสินใจจ่ายเงิน 6 พันบาทเพื่อตรวจอัลตร้าซาวด์ด้วยตัวเอง… ป่านนี้อาจจะยังเดินอยู่กับระเบิดเวลาในร่างกายโดยไม่รู้ตัว” นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้ใช้สิทธิประกันสังคมรายหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานและความสิ้นหวัง ในระบบที่ควรเป็นที่พึ่งยามเจ็บป่วย แต่กลับกลายเป็นความล่าช้าและความไม่แน่นอน

เธอเล่าว่า มีอาการปวดท้องเรื้อรังมาหลายปี เป็น ๆ หาย ๆ จนกระทั่งล่าสุดปวดต่อเนื่องไม่หาย จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ใช้สิทธิประกันสังคมแห่งแรก แต่การตรวจอัลตร้าซาวด์กลับนำมาซึ่งความงุนงง เมื่อแพทย์แจ้งว่า “ไม่พบถุงน้ำดี” ทั้งที่เธอไม่เคยผ่าตัดมาก่อน เมื่อเธอถามกลับด้วยความกังวล คำตอบที่ได้รับกลับเป็น “ไม่เจอก็ดีแล้ว แสดงว่าไม่เป็นอะไร ไม่อักเสบ ถ้าอักเสบมันจะใหญ่ให้เห็นเอง”

พร้อมกับสรุปการวินิจฉัยว่าเป็นเพียง โรคกระเพาะ คำวินิจฉัยที่ฟังดูเรียบง่าย แต่ไม่สามารถอธิบายความทรมานที่เธอต้องเผชิญได้

ด้วยความไม่มั่นใจ เธอตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล เริ่มต้นกระบวนการตรวจใหม่ทั้งหมด แต่สุดท้ายผลวินิจฉัยก็ยังคงเป็น โรคกระเพาะและกรดไหลย้อน  และยังคงเป็นคำตอบเดิมที่ไม่ได้ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานแต่อย่างใด

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจจ่ายเงิน 6,000 บาทเพื่อตรวจอัลตร้าซาวด์ด้วยตัวเอง ความจริงอันน่าตกใจจึงปรากฏ ‘นิ่วในถุงน้ำดีขนาดใหญ่’ ปัญหาที่แท้จริงที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด

“ตอนที่หมอบอกว่าเจอนิ่วในถุงน้ำดี รู้สึกทั้งโล่งใจและกังวลในเวลาเดียวกัน โล่งใจที่ในที่สุดก็รู้สาเหตุของความเจ็บปวด แต่ก็กังวลเรื่องค่ารักษา

เธอเผยว่าต้องการผ่าตัดแบบส่องกล้อง แต่มีคนรู้จักที่เคยผ่าตัดแบบส่องกล้องมาแล้ว บอกว่าต้องจ่ายเพิ่ม 25,000 บาท เธอจึงกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พร้อมตัดพ้อว่า “กับพนักงานเงินเดือนไม่ถึงหมื่นห้า ไม่รู้จะเสียเงินเท่าไหร่บ้าง ทั้งที่เรามีสิทธิประกันสังคม ทำไมเรายังต้องเลือกระหว่างปากท้องกับสุขภาพ นี่หรือคือระบบที่คุ้มครองเรา”

เธอระบายต่อว่า แต่ที่แย่กว่าเรื่องค่าใช้จ่ายคือการรอผ่าตัด แม้จะได้รับการวินิจฉัยและแนะนำให้ผ่าตัดแล้ว แต่กระบวนการอนุมัติวันผ่าตัด กลับเป็นอีกด่านหนึ่งที่ต้องฝ่าฟัน

“ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผ่าตัด แต่ระหว่างรอผ่าตัดในทุก ๆ วันคือความทรมาน กินได้แค่น้ำข้าว 3-4 คำก็แน่นท้อง หายใจไม่ทั่วท้อง แต่ที่แย่ที่สุดคือตอนกลางคืน”

เธอเล่าถึงความทรมาน เมื่อความเจ็บปวดจะรุนแรงในช่วงเที่ยงคืน ทำให้ปวดจนไม่สามารถนอนได้ ต้องพาตัวเองไปห้องฉุกเฉินเพื่อฉีดยาแก้ปวด เพียงเพื่อจะได้หลับตาพักผ่อนสักชั่วขณะ

“ฉีดยามาจนเส้นเลือดแตกหมดแล้ว” เธอส่งรูปแขนที่มีรอยช้ำจากการฉีดยา พร้อมบอกว่า“แต่ก็ต้องทำใจ เพราะเราไม่มีเงิน ถ้ามีเงิน อาจทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น” ประโยคที่สะท้อนความจริงอันเจ็บปวดของระบบสาธารณสุขไทย ที่แม้จะมีสิทธิประกันสังคมคุ้มครอง แต่กลับไม่สามารถให้การรักษาที่ทันท่วงที

ตอนนี้เธอรอมา 1 อาทิตย์แล้ว หมอนัดให้พบอีกทีอาทิตย์หน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ผ่าตัดหรือไม่ เวลาหนึ่งสัปดาห์อาจดูไม่นาน แต่สำหรับคนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด มันคือความทุกข์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ตัวอย่างจากเรื่องจริงของผู้บริโภครายนี้ สะท้อนภาพการดูแลรักษาพยาบาลผู้ประกันตนที่ไม่อาจตอบสนองกับความเจ็บป่วยที่ต้องการการรักษาได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในระบบประกันสุขภาพในประเทศไทย ซึ่งแม้ว่า ผู้ประกันตนรายนี้จะเป็นผู้ที่ต้องจ่ายเงินสบทบเข้าระบบหลักประกันสังคมอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใช้บริการอีกสองระบบคือ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ แต่ก็ประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำในหลายประเด็น และสิทธิในการรักษาที่ไม่เท่าเทียม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสนอปฏิรูปประกันสังคม ปรับสิทธิลดความเหลื่อมล้

ถึงเวลา! สิทธิประกันสังคม ต้องเท่าเทียมอีกสามกองทุน

สภาผู้บริโภคเสนอประกันสังคม ปรับวิธีจ่ายเงินให้เหมือนบัตรทอง

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค มีเป้าหมายผลักดันนโยบายคุ้มครองผู้บริโภค ให้สิทธิบริการสุขภาพเท่าเทียม และมีมาตรฐาน ซึ่งที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค มีความเห็นว่าระบบประกันสังคมควรลดความเหลื่อมล้ำนี้ จึงทำข้อเสนอถึง ต่อคณะกรรมการประกันสังคม โดยเรียกร้องให้ยกเลิกการจ่ายเงินสมทบด้านสุขภาพและให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแทน ยกเลิกการสำรองจ่ายค่ารักษาในทุกกรณี และปรับสิทธิประโยชน์ให้เท่าเทียมกับระบบอื่น พร้อมผลักดันให้เพิ่มตัวแทนผู้บริโภคในคณะกรรมการฯ เพื่อให้การบริหารจัดการโปร่งใสและเป็นธรรม รวมถึงพัฒนาระบบสายด่วน 1560 ให้แก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว

หากผู้บริโภคพบปัญหาจากการใช้สิทธิบริการสุขภาพ หรือไม่ได้รับความสะดวกสบาย สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค เบอร์ 1502 ในวันและเวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://www.tcc.or.th/