
สภาผู้บริโภคจับมือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินหน้าขยายเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มุ่งเน้นการสร้างองค์กรที่มีคุณภาพ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ 27 กุมภาพันธ์ 2568 สภาผู้บริโภค พัฒนาความร่วมมือกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) โดยมีบุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค พร้อมทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สภาผู้บริโภค หารือพัฒนาความร่วมมือกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) โดยมีพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี วีราภรณ์ ชินวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการองค์กรของผู้บริโภค สปน. พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ สปน. ร่วมหารือในครั้งนี้
สารี เผยว่า ปัจจุบันสภาผู้บริโภคมีองค์กรสมาชิกที่ผ่านการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค รวมทั้งหมด 340 องค์กร เป็นสมาชิกของสภาผู้บริโภค 54 จังหวัด จึงตั้งเป้าหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรผู้บริโภคให้ครบทั้ง 72 จังหวัด ในปี 2568 และในปี 2569 ต้องมีองค์กรผู้บริโภคครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้ผลักดันนโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการสนับสนุนองค์กรสมาชิกให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
“หากมีองค์กรผู้บริโภคครบทั่วประเทศจะสามารถยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เรามีความชัดเจนว่าการคุ้มครองผู้บริโภคจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย” สารี กล่าว
นอกจากนี้ ได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานปี 2568 พร้อมสรุปผลงานสำคัญตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน โดยเน้นย้ำความสำเร็จในการผลักดันนโยบายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน อาทิ การชะลอการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อควบคุมค่าโดยสาร การผลักดันสิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินมีสิทธิทุกที่ (UCEP) ในช่วงวิกฤตโควิด-19 และการคัดค้านการควบรวมกิจการทรู-ดีแทค ที่อาจนำไปสู่การผูกขาดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
อีกทั้ง สภาผู้บริโภคยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ขนส่งสาธารณะในราคาที่เป็นธรรมภายในปี 2568 รวมถึงมาตรการ “เปิดก่อนจ่าย” (COD) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อสินค้าออนไลน์ และมาตรการ “หน่วงการจ่ายเงิน 72 ชั่วโมง” เพื่อลดปัญหาทุจริตทางการเงิน ทั้งยังเดินหน้าผลักดันกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่ และร่วมประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สิทธิผู้บริโภคไทยก้าวหน้ายิ่งขึ้น


ด้าน พิฆเนศ เผยว่า พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเต็มที่ และสิ่งที่อยากเห็นต่อไป คือจะขับเคลื่อนองค์กรผู้บริโภคต่อไปในระดับนานาชาติได้อย่างไร ให้เป็นองค์กรที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างการตระหนักรู้ให้ภาคองค์กรเห็นถึงบทบาทสำคัญของตนในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค
ขณะที่ วีราภรณ์ กล่าวว่า เป้าหมายของ สปน. ตรงกับสภาผู้บริโภค ในเรื่องของการพยายามจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคให้ครบทั่วประเทศ และชี้ว่ามีองค์กรกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นทะเบียนกับ สปน. แต่ยังไม่เป็นองค์กรสมาชิกของสภาผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการเป็นองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป
ทั้งนี้ กิจกรรมในปี 2568 สภาผู้บริโภคจะเดินหน้าเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่องค์กรผู้บริโภค จัดทำสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญและเข้ามาสนับสนุนการทำงานคุ้มครองผู้บริโภค ขณะเดียวกันยังมีแผนพัฒนาฐานข้อมูลให้มีระบบติดตามและทบทวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


