ดัน 4 มาตรการเข้ม ยกระดับความปลอดภัย คลินิกเสริมความงาม

ดัน 4 มาตรการเข้ม ยกระดับความปลอดภัย คลินิกเสริมความงาม

ยอดร้องเรียนปัญหาคลินิกเสริมความงามไม่มีมาตรฐานพุ่ง 1,442 เรื่อง สภาผู้บริโภคดัน 4 มาตรการคุมเข้มเสนอต่อ กระทรวงสาธารณสุข

ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์และความมั่นใจในตนเองมากขึ้น ทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานขาดการควบคุมดูแล กระจายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของผู้บริโภค

เรื่องร้องเรียนพุ่ง 1,442 กรณี ภายใน 3 ปี

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เร่งตรวจสอบและดำเนินมาตรการกับคลินิกเสริมความงามที่ให้บริการไม่ได้มาตรฐาน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากจากผู้บริโภค เกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการเสริมความงาม

นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้บริโภคจำนวนมาก ได้รับผลกระทบจากการเข้ารับบริการคลินิกเสริมความงามที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เทคนิคการรักษาที่ผิดพลาด หรือแม้แต่การดำเนินกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง

“ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – ธันวาคม 2567 เราได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการให้บริการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานจำนวน 1,442 กรณี เช่น การใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาต การจ้างบุคลากรที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ และการโฆษณาเกินจริง ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค” นพ. ขวัญประชากล่าว

ยื่น 4 มาตรการเร่งด่วนถึง สบส.

คณะอนุกรรมการ สภาผู้บริโภคจึงได้จัดทำข้อเสนอต่อ สบส. ให้เพิ่มมาตรการตรวจสอบคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศอย่างเข้มงวด และดำเนินการทางกฎหมายกับคลินิกที่ละเมิดมาตรฐาน เพื่อพัฒนาระบบและกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคจากบริการเสริมความงามให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเน้น 4 แนวทางหลักที่ต้องบังคับใช้ ได้แก่ 1. การควบคุมสถานพยาบาล ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ห้ามโฆษณาเกินจริง และมีบทลงโทษทางอาญาและแพ่งหากฝ่าฝืน 2. มาตรฐานสำหรับแพทย์ โดยแพทย์ต้องปฏิบัติงานตามเวลาที่กำหนด ควบคุมคุณภาพบริการอย่างเคร่งครัด ห้ามมีแพทย์ “แขวนป้าย” มีแต่ชื่อแต่ไม่เคยปรากฏตัว และแพทย์ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการในทุกกรณี 3. มาตรการควบคุมการขออนุญาตเปิดคลินิก ที่ต้องเข้มงวดขึ้น รวมถึงการจัดเก็บเงินประกันเข้ากองทุนเยียวยาและควบคุมมาตรฐานของยาและอุปกรณ์ตามที่สำนักงานอาหารและยากำหนด และ 4. การให้ความรู้แก่ผู้บริโภค เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการเสริมความงาม สิทธิในการเรียกร้องความรับผิดชอบ และส่งเสริมให้มีการร้องเรียนเมื่อได้รับความเสียหาย โดยภาครัฐต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ซึ่งแนวทางเหล่านี้จะช่วยยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น

“แนวทางที่สภาผู้บริโภคเสนอ คาดว่าจะช่วยลดปัญหาคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคในการใช้บริการเสริมความงามในอนาคตได้ ขณะที่การบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดควบคู่กับการให้ความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น” นพ.ขวัญประชา กล่าว

สบส. ต้องเลิกนิ่งเฉย ก่อนจะมีเหยื่อรายต่อไป

นพ.ขวัญประชาเน้นย้ำว่า หากไม่มีการดำเนินมาตรการที่เข้มงวด ปัญหาคลินิกเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐานจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกรณีตัวอย่างของผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ เช่น หญิงสาวรายหนึ่งที่เข้ารับการทำศัลยกรรมลักยิ้ม แต่เกิดภาวะเลือดไหลผิดปกติจนเกือบหมดสติ หรือกรณีที่คลินิกปล่อยให้บุคคลที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ทำหัตถการ เช่น คลินิกกลางกรุงที่ให้ “หมอ ม.6” ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ทำศัลยกรรมจมูก และคลินิกที่บางแสนพบ หมอเถื่อนฉีดโบท็อกซ์ให้ลูกค้า

“สบส. ต้องเลิกทำตัวเป็นเพียงหน่วยงานออกใบอนุญาต และลงมาจัดการคลินิกเสริมความงามอย่างจริงจัง ก่อนที่จะมีผู้บริโภคเป็นเหยื่อรายต่อ ๆ ไป” นพ.ขวัญประชากล่าว

แม้ว่า สบส. จะระบุว่า ได้มีมาตรการติดตามและดำเนินคดีกับคลินิกที่กระทำผิดมาโดยตลอด แต่ปรากฏชัดว่ายังไม่สามารถควบคุมการดำเนินการของคลีนิกเหล่านี้อย่างได้ผล สภาผู้บริโภคจึงขอให้ สบส. เปิดเผยข้อมูลการดำเนินการต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถติดตามและตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นว่าหน่วยงานรัฐกำลังทำงานเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคแนะนำผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมความงาม ต้องตรวจสอบแพทย์ผู้ทำหัตถการก่อนว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ โดยสามารถนำรายชื่อแพทย์ไปสืบค้น https://checkmd.tmc.or.th/  และสำหรับผู้บริโภคที่ได้รับความเสีย สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค โทร 1502 และทุกช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของสภาผู้บริโภค