เครือข่ายหลักประกันสุขภาพ กำลังหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภค

ในช่วงแรกของการเริ่มต้นพูดถึงเครือข่ายหลักประกันสุขภาพ เราอาจต้องย้อนกลับไปถึงการประกาศใช้ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แม้จะมีการบังคับใช้กฎหมายนี้แล้ว แต่ประชาชนบางกลุ่มยังคงขาดความเข้าใจในระบบดังกล่าว และไม่สามารถเข้าถึงสิทธิที่กฎหมายกำหนดไว้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนของสิทธิประโยชน์และการเข้ารับบริการด้านสุขภาพที่ยังคงไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกไม่มั่นใจและไม่สามารถใช้บริการทางสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ จึงได้มีการจัดตั้งอาสาสมัครภาคประชาสังคมเข้ามาทำหน้าที่สำคัญตามบทบัญญัติ มาตรา 50 (5) ของ พรบ. ซึ่งกำหนดให้มีหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากหน่วยบริการและผู้ถูกร้องเรียน เพื่อให้ประชาชนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนได้โดยสะดวก นอกจากนี้ อาสาสมัครเหล่านี้ยังมีบทบาทในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ เช่น โครงการ บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงสิทธิในการรักษาพยาบาล

ผลจากการทำงานของอาสาสมัครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปัจจุบันเครือข่ายหลักประกันสุขภาพได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางครอบคลุมทั่วประเทศ เกิดเป็นระบบที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม


ขณะที่ สุรพล เอกวณิชสกุลพร ผู้อำนวยการกลุ่มจังหวัดระยอง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 6 กล่าวถึง พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพมาตรฐาน และได้รับการคุ้มครองสิทธิตามที่กฎหมายกำหนด พรบ.ฉบับนี้ออกแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของการให้บริการ รวมถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้รับบริการ โดยกำหนดให้มีหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนตาม มาตรา 50 (5) ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง นอกจากนี้ ศูนย์ดังกล่าวยังมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิทธิการรักษาพยาบาล เรื่องร้องเรียนที่ได้รับจากศูนย์จะถูกนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก โดยผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการควบคุมมาตรฐานคุณภาพระดับเขต ซึ่งช่วยในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้มีมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น

และการขยายการทำงานในด้านอื่นๆ เช่น การคุ้มครองผู้บริโภค จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เนื่องจากศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทองมีการทำงานครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ การขยายขอบเขตงานให้ครอบคลุมประเด็นสิทธิอื่นๆ จะส่งผลให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองในทุกด้านอย่างแท้จริง

สุรพลยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า การทำงานร่วมกันระหว่าง สภาผู้บริโภค และ สปสช. เป็นความร่วมมือที่ดีอยู่แล้ว และการที่มีศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพและหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระเข้าจดแจ้งสถานะองค์กรผู้บริโภคตาม พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและควรได้รับการสนับสนุน เพราะนอกจากจะเสริมสร้างการทำงานขององค์กรภาคประชาชนแล้ว ผลประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่ที่ประชาชนหรือผู้บริโภค ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองในทุกด้านและทุกประเด็นอย่างทั่วถึง

ขยายการทำงานเพื่อการพิทักษ์สิทธิประชาชน

การขยายการทำงานเพื่อพิทักษ์สิทธิของประชาชนมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม โดยศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพและหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ได้ปรับขยายบทบาทจากการดูแลปัญหาด้านบริการสุขภาพ ไปสู่การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการรณรงค์ผลักดันให้มี พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งเครือข่ายคนรักหลักประกันสุขภาพได้ร่วมมือกันเพื่อผลักดันกฎหมายนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในวงกว้าง

เมื่อพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว เครือข่ายหลักประกันสุขภาพได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการยื่นจดแจ้งสถานะองค์กรผู้บริโภคตามกฎหมาย ส่งผลให้ปัจจุบัน สภาองค์กรของผู้บริโภค มีสมาชิกที่เป็นศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพและหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระมากกว่า 50 องค์กรทั่วประเทศ การขยายตัวนี้ทำให้เครือข่ายสามารถทำงานได้ครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งในด้านบริการสุขภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคในมิติต่างๆ ซึ่งช่วยให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับสภาผู้บริโภคและหน่วยงานต่างๆ ทำให้การพิทักษ์สิทธิประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการมีความเข้มแข็งขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าพวกเขาจะได้รับการปกป้องสิทธิอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีมาตรฐาน หรือการได้รับสินค้าและบริการที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ

อุปสรรคของเครือข่ายหลักประกันสุขภาพในการยื่นจดแจ้งองค์กรของผู้บริโภค

อุปสรรคที่เครือข่ายหลักประกันสุขภาพเผชิญในการยื่นจดแจ้งสถานะองค์กรของผู้บริโภคเกิดขึ้นเมื่อหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนในหลายจังหวัด ได้ยื่นจดแจ้งต่อสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่กลับถูกตีความว่าเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐหรือได้รับอิทธิพลจากรัฐ ซึ่งขัดต่อ พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ตาม มาตรา 5 (1) ที่กำหนดว่าองค์กรของผู้บริโภคที่จะรวมตัวจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค หรือจะเข้าเป็นสมาชิกของสภาฯ ต้องไม่เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือถูกครอบงำโดยผู้ประกอบธุรกิจ นิติบุคคล หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือพรรคการเมือง

เนื่องจากการตีความดังกล่าว ทำให้เอกสารการยื่นจดแจ้งถูกปฏิเสธในบางกรณี แต่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการยื่นจดแจ้ง ได้เข้าหารือและหาทางออกสำหรับปัญหานี้ ส่งผลให้ข้อกังวลเกี่ยวกับหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ซึ่งต้องการจดแจ้งเป็นองค์กรของผู้บริโภค ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

วีราภรณ์ ชินวงศ์
ผู้อำนวยการส่วนกิจการองค์กรของผู้บริโภค
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

วีราภรณ์ ชินวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงช่วงแรกของการบังคับใช้ พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ว่า เนื่องจากกฎหมายยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า หน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน นั้นเป็นหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งโดยรัฐ ส่งผลให้ในระยะหนึ่ง ไม่มีองค์กรภายใต้ชื่อดังกล่าวผ่านการจดแจ้งเป็นองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งทำให้หลายองค์กรได้รับผลกระทบอย่างมาก

เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้ส่งหนังสือสอบถามสถานะของหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระ และหารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จนได้ข้อสรุปตรงกันว่า สปสช. ไม่ได้ครอบงำหน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระดังกล่าว เพียงแต่หน่วยงานนี้ถูกจัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สปสช. หน่วยเหล่านี้จึงมีความเป็นอิสระในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของตนเอง

ปัจจุบัน หน่วยรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนสามารถยื่นจดแจ้งเป็นองค์กรของผู้บริโภคและได้รับการพิจารณารับรองสถานะได้แล้ว โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายทะเบียนกลางได้ประกาศรับรอง หน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ตามมาตรา 50(5) อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นองค์กรของผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ

ความท้าทายในการทำงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค

เครือข่ายหลักประกันสุขภาพต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการทำงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค หลังจากที่เครือข่ายเหล่านี้ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ สภาองค์กรของผู้บริโภค สมาชิกส่วนหนึ่งได้ยกระดับการทำงานเป็นหน่วยงานประจำจังหวัด โดยทำหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคในประเด็นปัญหาหลักทั้ง 8 ด้าน ซึ่งครอบคลุมถึงการรับเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการฟ้องร้องในฐานะตัวแทนผู้บริโภคในพื้นที่ของตนเอง

ทั้งนี้ ความท้าทายดังกล่าวได้สะท้อนออกมาจากมุมมองของ มีนา ดวงราษี ประธานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดสุรินทร์ และ อาภรณ์ อะทาโส ประธานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด โดยทั้งสองกล่าวถึงความซับซ้อนและความหลากหลายของปัญหาที่เผชิญในแต่ละจังหวัด ซึ่งต้องการการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านทรัพยากร บุคลากร และความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่นั้นไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพ แต่ยังต้องจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในการร้องเรียนและแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หน่วยงานประจำจังหวัดเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเท่าเทียม

มีนา ดวงราษี ประธานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ กลุ่มของเธอเคยเป็นเครือข่ายทำงานเกี่ยวกับสตรีใน 9 ประเด็นหลัก ซึ่งครอบคลุมเรื่องสุขภาวะทางเพศ การคุ้มครองสิทธิสตรีที่ถูกละเมิดทางร่างกาย และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ย้อนหลังไปกว่า 20 ปี เมื่อพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้ กลุ่มของเธอจึงได้ขยายขอบเขตการทำงานเป็นศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ โดยรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน

เธอกล่าวว่าการร้องเรียนที่เข้ามาไม่ได้จำกัดเฉพาะบริการสุขภาพ แต่ยังครอบคลุมปัญหาอื่นๆ เช่น สินค้าและบริการ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเงินและธนาคาร เมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามามากขึ้น เธอจึงปรึกษากับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในพื้นที่ภาคอีสาน จนได้ทราบว่ามีการจัดตั้ง สภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งประเด็นการทำงานของเธอมีความสอดคล้องกับประเด็นที่สภาฯ กำลังขับเคลื่อน เธอจึงได้ยื่นจดแจ้งเป็นองค์กรของผู้บริโภคกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

นอกจากบทบาทดังกล่าว กลุ่มของเธอยังทำงานในฐานะหน่วยงานประจำจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจที่ท้าทายมากขึ้น เช่น การขับเคลื่อนนโยบาย การสื่อสารเฝ้าระวังและเตือนภัย รวมถึงการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคใน 8 ประเด็นหลัก หนึ่งในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจำนวนมากคือ การถูกหลอกให้ลงทุนในกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งเธอได้ยกระดับปัญหานี้สู่การจัดเวทีเสวนา และเชิญผู้แทนจากคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร มารับฟังและพิจารณาข้อเสนอ

อาภรณ์ อะทาโส ประธานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในช่วงแรก ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จากนั้นได้พัฒนารวมกลุ่มสมาชิกเป็น ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ และเป็นหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ตามมาตรา 50(5) ซึ่งเป็นหน่วยงานลำดับที่ 5 ของประเทศ โดยทำงานตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่

เธอยังได้ผลักดันให้มีศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพในระดับตำบลและอำเภอของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพอย่างทั่วถึง เมื่อพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ เธอได้สนับสนุนองค์กรศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพในจังหวัดร้อยเอ็ดให้ยื่นจดแจ้งเป็นองค์กรของผู้บริโภคกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงการสร้างความร่วมมือให้เกิดเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในจังหวัด

ด้วยความร่วมมือและความมุ่งมั่นของเธอ จังหวัดร้อยเอ็ดจึงมีองค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการจดแจ้งแล้วมากกว่า 14 องค์กร โดย ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ถูกยกสถานะเป็นหน่วยงานประจำจังหวัด ทำหน้าที่สำคัญในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บริโภคในจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง

สอบถามรายละเอียดการจดแจ้งการเป็นองค์กรของผู้บริโภค และการสมัครสมาชิก
ได้ที่อีเมล [email protected]

เขียนโดย Annop Phonpangkhwa