ต้องได้คืน “ทุกบาท ทุกสตางค์” ยืนยันสิทธิผู้บริโภคยกเลิกเบอร์เติมเงิน

เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่? ขอยกเลิกเบอร์โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินและต้องการเงินที่เหลือในซิมคืน แต่เมื่อเรียกร้องจากค่ายมือถือ คำตอบคือ “รอเงินคืนใน 90 วัน” หรือ “รอซิมหมดอายุก่อน จึงจะได้เงินคืน” หากพบเหตุการณ์นี้ ขอเตือนว่าผู้บริโภคกำลังโดนละเมิดสิทธิที่จะต้องได้รับเงินของตนเองที่เหลือในหมายเลขนั้นคืน “ทุกบาท ทุกสตางค์” ภายใน 30 วัน!

เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้บริโภคได้เข้ามาร้องเรียนกับสภาผู้บริโภคในกรณีการถูกปฏิเสธการขอเงินของตนเองที่เหลือในหมายเลขระบบเติมเงินจากค่ายมือถือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ได้แนะนำว่า ‘ผู้บริโภคมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเงินคืนครบทุกบาท ทุกสตางค์’ หากแจ้งยกเลิกการใช้บริการแบบเติมเงินแล้ว ไม่ว่าเงินในระบบจะเหลือเท่าไร ค่ายมือถือไม่มีสิทธิปฏิเสธและต้องคืนเงินภายใน 30 วันนับจากวันขอยกเลิกเบอร์ดังกล่าว

ตามประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้กำหนดให้สิทธิแก่ผู้บริโภคไว้ชัดเจนว่า ‘เจ้าของเบอร์มือถือมีสิทธิเลิกสัญญาเวลาใดก็ได้เพียงแจ้งเป็นหนังสือแก่ผู้ให้บริการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 วัน ตามมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 32’

นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ประกาศไว้อีกว่า ‘กรณีมีเงินค้างชำระแก่เจ้าของเบอร์มือถือ เครือข่ายมือถือต้องคืนเงินให้ผู้เจ้าของเบอร์มือถือ’ ดังนั้น เมื่อผู้ใช้บริการแจ้งยกเลิกและมีเงินค้างอยู่ในซิม ผู้ให้บริการต้องคืนเงินแก่ผู้ใช้บริการ โดยอาจคืนเป็นเงินสด เช็ค หรือนำเข้าบัญชีเงินฝากได้ตามที่ต้องการ และจะต้องคืนเงินภายใน 30 วันนับจากวันยกเลิกเบอร์ดังกล่าว ตาม มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 34 และหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามอาจถูกค่าปรับถึง 20,000 บาทต่อวัน ตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคแจ้งยกเลิกแต่ไม่ได้รับเงินคืนและอย่าปล่อยให้สิทธิ์ของคุณโดนใครเอาเปรียบ โดยร้องเรียนไปที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของสำนักงาน กสทช. เบอร์สายด่วน 1200 หรือร้องเรียนได้ที่สภาผู้บริโภค ตามช่องทางดังต่อไปนี้