สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) จับมือสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร ทดสอบระบบเบรกรถจักรยานยนต์ เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาทักษะผู้ขับขี่ บังคับติด ABS หวังลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
จากการที่ สอบ.สนับสนุนงบประมาณงานทดสอบวิจัยให้กับสถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.พระนคร เพื่อทำโครงการวิจัยและทดสอบระบบห้ามล้อของรถจักรยานยนต์ ขนาดไม่เกิน 125CC และได้ดำเนินการทดสอบระบบห้ามล้อ เป็นครั้งสุดท้ายของโครงการ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 นั้น
วันนี้ (11 มิถุนายน 2565) คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการ อนุกรรมการด้านขนส่งและยานพาหนะ สอบ. ระบุว่า ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยทดสอบระบบห้ามล้อหรือเบรกของรถจักรยานยนต์จำนวน 7 คัน ชี้ให้เห็นว่ารถจักรยานยนต์ที่มีระบบป้องกันล้อล็อก หรือ ABS (Anti-Lock Brake system) สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่ง สอบ.จะทำข้อมูลและข้อเสนอแนะส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเผยแพร่ความรู้ ส่งเสริม ปลูกฝัง และพัฒนาทักษะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมทั้งผลักดันให้มีการออกกฎหมายบังคับให้ติดระบบป้องกันล้อล็อก ABS ในรถจักรยานยนต์ทุกรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่มีขนาดต่ำกว่า 125CC เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่
คงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ สอบ.ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ มทร.พระนคร จัดทำโครงการนี้ เนื่องจากข้อมูลจากการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของกระทรวงคมนาคม พ.ศ.2562 พบว่า อุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์เป็นอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึงร้อยละ 74.4 และประเทศไทยมีคนเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ (Thai RSC) พ.ศ.2563 ที่ชี้ให้เห็นว่า รถจักรยานยนต์ขนาดต่ำกว่า 150CC มีการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตสูงสุดถึงร้อยละ 88 โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบต่ำกว่า 125CC มักจะมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ทั้งนี้ ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาฯ ตามมาตรา 14(5) ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562 ในการสนับสนุนการศึกษาและการวิจัยเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค
ผศ. ว่าที่ ร.ต. ดร.ทรงวุฒิ มงคลเลิศมณี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.พระนคร ระบุว่า ทุนสนับสนุนจากสอบ. และความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทำให้นักวิจัยชาวไทยสามารถสร้างระบบการทดสอบรถจักรยานยนต์ขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งระบบนี้สามารถใช้ทดสอบระบบห้ามล้อ และนำไปประยุกต์ในการทดสอบระบบอื่น ๆ ได้ เช่น ทดสอบเสถียรภาพของรถ ทดสอบการควบคุมรถ เป็นต้น
ผศ. ว่าที่ ร.ต. ดร.ทรงวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับสิ่งที่ค้นพบจากการวิจัย คือ รูปแบบการใช้งานเบรกของคนไทย ซึ่งแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ ใช้เบรกหลังอย่างเดียว ใช้เบรกหน้าอย่างเดียว และเบรก 2 ล้อพร้อมกัน ซึ่งจะมีระยะเบรกแตกต่างกันไป โดยจากการทดสอบทำให้ทราบว่า หากใช้เบรกหลังอย่างเดียว ระยะเบรกจะยาวที่สุด เบรกด้วยล้อหน้าอย่างเดียวก็จะเป็นระยะเบรกที่สั้นรองลงมา และเบรกด้วย 2 ล้อ จะทำให้ได้ระยะเบรกที่สั้นที่สุด ทั้งนี้ ระยะเบรกที่สั้นและทักษะในการขับขี่ จะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ เหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานที่รับผิดชอบควรเผยแพร่และปลูกฝังให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่พฤติกรรมการขับขี่อย่างปลอดภัย
“อีกสิ่งหนึ่งที่ควรผลักดันให้มีในระบบเบรกของมอเตอร์ไซค์คือ ABS ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันการล็อกและการลื่นไถล เพราะในสถานการณ์จริงที่เราขับรถบนพื้นถนน ซึ่งอาจจะเปียก หรือถนนลื่น และแต่ละคนมีทักษะการขับขี่ ทักษะในการเบรกที่ไม่เท่ากัน การมี ABS จะช่วยลดความเสี่ยงในการลื่นไถลของล้อ ซึ่งส่งผลให้สามารถควบคุมรถได้ดีขึ้น และช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้มาก” รอง ผอ. สถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.พระนคร กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดผลจากการทดสอบ สอบ.จะเผยแพร่ให้ผู้บริโภคทราบในลำดับต่อไป