ในการประชุมอนุกรรมการอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย ซึ่งมี ผศ.ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ กรรมการนโยบายสภาผู้บริโภค เป็นประธานที่ประชุม เห็นชอบให้สำนักงานสภาผู้บริโภคประสานงานกับหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อเตรียมการจัดเวทีความร่วมมือเพื่อการแก้ไขปัญหาในเรื่องการจัดสรรที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกำหนดช่วงเวลาที่จะจัดเวทีประมาณเดือนกรกฎาคม 2566
ทั้งนี้ ก่อนซื้อบ้านจัดสรร ผู้ซื้อบ้านควรตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินหรือไม่ หากยังไม่ได้ขออนุญาตไม่ควรตัดสินใจซื้อ เนื่องจากตามพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 กำหนดว่าการจัดสรรที่ดิน คือ การจำหน่ายที่ดินที่ได้แบ่งเป็นแปลงย่อยรวมกันตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไป ซึ่งต้องขออนุญาตจัดสรรที่ดินก่อนจึงจะสามารถแบ่งขายได้
อย่างไรก็ดี แม้กฎหมายจัดสรรที่ดินจะห้ามจำหน่ายที่ดินจัดสรรโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่มิได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าการจำหน่ายที่ดินจัดสรรก่อนได้รับอนุญาตนั้นมีความผิด ดังนั้น การเปิดให้จองโครงการระหว่างดำเนินการขออนุญาต ไม่ถือเป็นการจำหน่ายที่ดินจัดสรรโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่ขัดต่อกฎหมายจัดสรรที่ดิน และการที่ผู้ซื้อตัดสินใจทำสัญญาซื้อขายด้วยความสมัครใจ ไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้งว่าถูกหลอกลวง ฉ้อฉล หรือข่มขู่ให้ซื้อ
เมื่อผู้ซื้อมาทราบภายหลังว่าโครงการยังไม่ได้รับใบอนุญาตจัดสรร แล้วไปหยุดชำระเงินดาวน์ รวมทั้งการขอเงินงวดที่ส่งไปคืน นอกจากไม่ได้เงินแล้วอาจเป็นฝ่ายที่ผิดสัญญา ทางโครงการมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินดาวน์ได้อีก
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ที่ถูกหลอกลวงซื้อขายทรัพย์จากการขายทอดตลาดแบบติดจำนองของบริษัท อีซี่โฮม จำกัด โดยได้เชิญผู้แทนสมาคมธนาคารไทย และผู้แทนสมาคมสถาบันการเงินเข้าร่วมประชุมและให้ข้อมูล
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า กรณีปัญหาอีซี่โฮมเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมบังคับคดี สถาบันการเงิน กระทรวงยุติธรรม และศาล ซึ่งต้องวิเคราะห์และสรุปภาพรวมโครงสร้างปัญหา เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค สำหรับธนาคารเห็นควรให้จัดทำข้อเสนอต่อสมาคมธนาคารไทย เพื่อขอให้กำหนดแนวปฏิบัติหรือมาตรการของธนาคารเพื่อร่วมแก้ไขปัญหานี้ต่อไป