เสนอรัฐ “ลด ละ เลิก” บวกต้นทุนผลิตน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม หนุน “ลุย” ภาษีลาภลอย

Getting your Trinity Audio player ready...

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เสนอรัฐบาลเร่งลดต้นทุนการผลิตน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม เช่น ค่าการกลั่น ค่าการตลาด ค่าขนส่งน้ำมันที่ไม่เกิดขึ้นจริง ขณะเดียวกัน หนุนเก็บ “ภาษีลาภลอย” นำมาลดต้นทุนการผลิตน้ำมัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชน

จากกรณี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 รัฐบาลประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 3 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ – 20 พฤษภาคม 2565 และในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงไปรวม 5 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม – 20 กรกฎาคม 2565 นั้น 

21 มิถุนายน 2565 ผศ.ประสาท มีแต้ม ประธานอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สอบ.ระบุว่า จากการติดตามตรวจสอบโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศพบว่า แม้รัฐบาลจะประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท แต่กลับไม่ได้ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศลดลง เนื่องจากโรงกลั่นปรับขึ้นค่าการกลั่นน้ำมันรวม อย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา โดยขยับจาก 1.58 บาทต่อลิตรในเดือนกุมภาพันธ์ 5.82 บาทต่อลิตรในเดือนพฤษภาคม ทั้งที่ค่าการกลั่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555 – 2565) อยู่ที่ไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร หรือเกินมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.tcc.or.th/18062565_petroleum-price_artwork/)

สอบ. ทำข้อเสนอส่งถึงรัฐบาลให้เร่งออกมาตรการควบคุมค่าการกลั่น ควบคุมค่าการตลาดให้เป็นธรรม ทบทวนวิธีการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นในประเทศ และเก็บภาษี “ลาภลอย (windfall tax)” จากกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคด้วย 

“ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในขณะนี้ คือ ค่าการกลั่นรวม เนื่องจากรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงประมาณ 5 บาทต่อลิตร เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกลง แต่โรงกลั่นกลับฉวยโอกาสปรับเพิ่มค่าการกลั่นถึง 4 บาทต่อลิตร กลายเป็นว่า รัฐบาลมีรายได้จากภาษีลดลง แต่โรงกลั่นกลับได้เงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชาชนแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย” ผศ.ประสาท กล่าว

สำหรับข้อเสนอแนะในประเด็นการกำกับดูแลราคาน้ำมันสำเร็จรูป ที่ สอบ.เสนอต่อรัฐบาลมีทั้งหมด 4 ประเด็น ดังนี้

1. ขอให้กระทรวงพลังงานเร่งกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมค่าการกลั่นน้ำมันให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค

แผนภูมิ อัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและค่าการกลั่นรวม

2. ขอให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ ควบคุมค่าการตลาดให้เป็นธรรม

ปกติค่าการตลาดของน้ำมันจะกำหนดราคากลางที่เป็นกติการ่วมกันอยู่ โดยค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 1.40 บาทต่อลิตร และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 1.85 บาทต่อลิตร ในกรณีที่ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นสูงจนทำให้ค่าการตลาดที่บริษัทได้น้อยลง ก็สามารถปรับขึ้นราคาหน้าปั๊มเพื่อให้ได้ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.40 หรือ 1.85 บาทตามที่กำหนด ในทางกลับกัน เมื่อราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลดลง บริษัทก็ต้องปรับลดราคาน้ำมันที่ขายหน้าปั๊มลงด้วย เพื่อให้ได้ค่าการตลาดเป็นไปตามราคากลาง

แต่จากการรวบรวมข้อมูลค่าการตลาดน้ำมันเบนซินและดีเซล (เฉลี่ยรายเดือน) พบว่า เมื่อราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลดลง ค่าการตลาดก็ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งก็มากกว่าราคากลาง เช่น ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ค่าการตลาดอยู่ที่ 2.02 บาทต่อลิตร และเดือนธันวาคม 2564 ค่าการตลาดอยู่ที่ 2.06 บาทต่อลิตร เป็นต้น ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีก หรือราคาหน้าปั๊มไม่ลดลง ผู้บริโภคจึงต้องเติมน้ำมันในราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ แม้ส่วนต่างของค่าการตลาดจะน้อย แต่เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้วันละ 134  ล้านลิตร ก็คิดเป็นมูลค่าไม่น้อย

แผนภูมิ เปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกับค่าการตลาดน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย

3. ขอให้กระทรวงพลังงานทบทวนวิธีการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นในประเทศ

เนื่องจากปัจจุบัน การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นในประเทศไทยเป็นการกำหนดโดยการอิงราคาตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นราคากลางของน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย บวกด้วยค่าขนส่งน้ำมันจากท่าเรือสิงคโปร์มายังโรงกลั่นในประเทศไทย ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างขนส่ง ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน ฯลฯ ทั้งที่น้ำมันสำเร็จรูปที่ใช้ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด เป็นน้ำมันที่กลั่นในประเทศไทย

4. ขอให้กระทรวงการคลังเก็บภาษี “ลาภลอย (windfall tax)” จากกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

จากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีกำไรที่เกิดจากส่วนต่างราคาวัตถุดิบกับราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ขยับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง สอบ.จึงขอเสนอให้รัฐบาลเก็บภาษีลาภลอย (windfall tax) ในอัตราร้อยละ 25 จากกำไรที่กิจการพลังงานได้รับ ซึ่งมาตรการดังกล่าวประเทศสหราชอาณาจักรกำลังดำเนินการอยู่ (ที่มา : U.K. introduces temporary ‘windfall tax’ of 25% on oil and gas profits)

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้รัฐบาลพิจารณาอาศัยอำนาจแห่งพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2516 หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพื่อประกาศการควบคุมราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น และราคาขายปลีก พร้อมทั้งห้ามนำน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ในประเทศส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนและลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศ

#สภาองค์กรของผู้บริโภค #ผู้บริโภค