เปิดรายงาน กมธ. ไอซีที นพ.สรณ ประธาน กสทช. มีคุณสมบัติต้องห้ามจริง

กมธ. ไอซีที เปิดรายงานผลตรวจสอบสถานะ นพ. สรณ ประธานกสทช. พบขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย กสทช. จริง ด้านสภาผู้บริโภคกดดันวุฒิสภาปลด นพ.สรณ พ้นจากตำแหน่งกรรมการและประธาน กสทช.

จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) สภาผู้บริโภค พร้อมด้วยเครือข่ายผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที) วุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาและเปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ ศ. คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ รักษาการประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้น

ล่าสุด เว็บไซต์วุฒิสภา ได้เผยแพร่ “บันทึกการประชุม คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม ครั้งที่ 17/2567” โดยในเนื้อหาบันทึกสรุปได้ว่า ศ.คลินิก นพ. สรณ มีลักษณะต้องห้ามจริง ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 และมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 18 มาตรา 20

ทั้งนี้ เป็นการสรุปรายงานจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังในชั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งในรายละเอียดของรายงานได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบและการรวบรวมข้อมูล พบว่า ก่อนที่ ศ.คลินิก นพ.สรณะ สมัครเข้ารับการสรรหากรรมการ กสทช. ยังมีตำแหน่งเป็นรองคณบดีฝ่ายสวัสดิการและกิจการพิเศษ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ โดย ศ.คลินิก นพ. สรณ เพิ่งลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นกรรมการ กสทช. ในวันที่ 8 มกราคม 2565

การที่ ศ.คลินิก นพ.สรณ มีสถานะเป็นผู้บริหารหรือเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกช่อง รามาชาแนล (Rama Channel) ก่อนเข้ารับสมัครเป็นกรรมการ กสทช. จึงมีผลให้มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 7 ข. (12) ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ที่กำหนดให้ผู้สมัครต้องลาออกจากการเป็นผู้บริหาร หรือพนักงานมหาวิทยาลัยมหิดล ภายในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนสมัครเข้ารับการสรรหา ซึ่งหากรวมถึงมาตรา 8 และมาตรา 26 ประกอบมาตรา 18 และ มาตรา 20 ได้กำหนดว่า การมีคุณสมบัติต้องห้ามต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการโดยให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อให้พ้นจากตำแหน่ง และให้วุฒิสภาเลือกกรรมการใหม่

อย่างไรก็ตาม แม้คณะกรรมการสรรหา กสทช. ได้เคยวินิจฉัยแล้วว่า ศ. คลินิก นพ. สรณ ไม่มีลักษณะต้องห้ามและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาเป็นที่สุดก็ตาม แต่รายงานชิ้นนี้ได้ชี้ว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถใช้สิทธิทางศาลโดยสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการสรรหาหรือฟ้องคดี ต่อศาลปกครองได้ภายในเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้วุฒิสภาดำเนินการตามข้อพิจารณาและความเห็นของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566  ระบุว่า หากปรากฎข้อเท็จจริงว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย กสทช. ย่อมจะส่งผลให้ ศ.คลินิก นพ.สรณฯ ต้องพันจากตำแหน่งกรรมการ กสทช. ซึ่งส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งประธาน กสทช. ในคราวเดียวกันด้วย

#ผู้บริโภค #สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค