เตรียมนัดหารือ ‘ชัชชาติ’ แก้ปัญหาตึกสูงในซอยแคบ

สภาผู้บริโภคนัดหารือ ผู้ว่าฯกทม.แก้ปัญหาคับใจประชาชน สร้างคอนโดในซอยแคบ หลังร้องเรียนหลายหน่วยงานแต่ยังเงียบ

วันที่ 9 กันยายน 2566 สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาผู้บริโภค พร้อมด้วยตัวแทนภาคประชาชน เตรียมพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 20 กันยายน เพื่อพูดคุยถึงปัญหาความเดือดร้อนและแนวทางการแก้ไข หลังประชาชนร้องเรียนการก่อสร้างโครงการอาคารขนาดใหญ่ในซอยประดิพัทธ์ ซอย 23 (โครงการเอส-ประดิพัทธ์) ชุมชนพหลโยธิน ซอย 37 (โครงการ เดอะมูฟ พหลโยธิน) และ ชุมชนรัชดาภิเษก ซอย 54 (โครงการ เอส-รัชดา) ที่มีทางเข้า-ออกคับแคบ อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเรื่องการควบคุมอาคาร และก่อนหน้านี้ได้ร้องไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหวังให้เกิดการแก้ไข

โดยสารี ระบุว่า การเข้าพบครั้งนี้จะนำประเด็นปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกว่า 1,000 คน ทั้งการก่อสร้างในซอยแคบ ที่ระยะความกว้างอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย และผลกระทบที่ประชาชนชาวชุมชน ห่วงกังวล ทั้งที่จอดรถ การสัญจร ความไม่ปลอดภัยในชีวิต หากเกิดเหตุไฟไหม้อาคารหรือภายในชุมชน จะไม่สามารถเข้าไประงับเหตุ หรือช่วยเหลือได้ทัน ตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะมีผลเชื่อมโยงไปถึงสุขภาพชาวชุมชน และไม่มีการศึกษาผลกระทบที่โปร่งใส

พร้อมกันนี้สภาผู้บริโภค จะนำเสนอรายงานและข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่อผู้ว่าฯ กทม.หลังได้ลงพื้นที่รังวัดระยะความกว้างทางสาธารณะของซอย ตามข้อร้องเรียนพร้อมตัวแทนชุมชนและผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมอาคารกรุงเทพมหานคร ซึ่งพบว่าทั้ง 3 โครงการ มีปัญหาเรื่องความกว้างทางสาธารณะ และลักษณะทางกายภาพของชุมชนไม่เอื้ออำนวยต่อการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) ที่การจัดทำร่างโดยไม่มีขั้นตอนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเชื่อว่านอกจากจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ยังสามารถป้องกันและลดปัญหาการก่อสร้างอาคารในซอยแคบที่มีแนวโน้มจะมีเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

และในโอกาสเดียวกันนี้ สภาผู้บริโภค จะหารือความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในการสนับสนุนให้เกิดระบบ Feeder ตามนโยบายของผู้ว่ากทม.  ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ในการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่รัฐบาลเห็นชอบให้เก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และสภาผู้บริโภคเชื่อมั่นว่า เป็นเรื่องที่ภาครัฐทำได้และควรทำในทันที

ข่าวโดย : ฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค